Ad
Ad
Ad
Author

admin

Browsing
Subashiri 5th Station เป็นจุดขึ้นเขาฟูจิที่เดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะจากโตเกียวได้สะดวกสบายเป็นอันดับที่สองในบรรดาสถานีที่ 5 ทั้งหมดบนภูเขาไฟฟูจิ สถานีนี้ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกของภูเขา รองมาจาก Fuji Subaru Line 5th Station
  6928_02
มีรถบัสให้บริการเป็นประจำทุกวันในฤดูกาลปีนเขาเริ่มตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคมถึงกลางกันยายน และให้บริการในช่วงวันหยุดรวมถึงวันหยุดเทศกาลต่างๆอีกด้วยในเดินพฤษภาคมไปจนถึงเดือนตุลาคม
แต่ Subashiri 5th Station ก็กันดารพอๆ กับ Gotemba 5th Station เมื่อเทียบกับ Fuji Subaru Line 5th Station เพราะที่นี่มีแต่ลานจอดรถ ห้องน้ำ ร้านขายของสองร้าน และร้านอาหารไม่กี่ร้านเท่านั้น ไม่มีตู้ล็อคเกอร์แบบยอดเหรียญให้บริการ เส้นทางที่จะมาถึงสถานีที่ห้านี้จะเป็นทางคดเคี้ยวผ่านแนวป่าของภูเขาไฟฟูจิ ซึ่งเส้นทางนี้จะปิดไม่ให้รถส่วนบุคคลผ่านเข้ามาในช่วงฤดูกาลปีนเขา ซึ่งจะมีรถ Shuttle bus ให้บริการไปส่งที่ Gotemba Station แทน และเส้นทางนี้จะปิดตลอดหน้าหนาวตั้งแต่ปลายพฤษจิกายนถึงปลายเมษายน
Subashiri Trail จะปิดให้บริการช่วงหน้าหนาวด้วยเช่นกัน
6928_03
พาร์ทแรกของ Subashiri Trail เริ่มจากใต้แนวต้นไม้ที่นำเข้าสู่ผืนป่า เส้นทางนี้จะมีคนสัญจรไม่เยอะเท่ากับเส้นทางอื่น จนกระทั่งไปบรรจบกับ Yoshida Trail ที่ราวๆ สถานีที่ 8
จาก Subashiri 5th Station จะใช้เวลาขึ้นไปสู่ยอดเขาประมาณ 5 – 8 ชั่วโมง และลงประมาณ 3 – 5 ชั่วโมง
6901_11
ด้วยความสูงที่ 1,950 เมตร จากระดับน้ำทะเล Subashiri 5th Station จะเป็นจุดที่เตี้ยกว่า Fuji Subaru Line และ Fujinomiya 5th Station
6928_01
ความพิเศษของเส้นทางนี้คือ จะมีเส้นทางแยกไปยอดเขา Kofuji (little Fuji) ที่สั้นกว่าเมื่อเทียบกับสถานีอื่น
Kofuji อยู่ที่ความสูง 1,979 เมตรเป็นยอดที่สูงรองลงมาเป็นอันดับที่สองอยู่ทางด้านข้างของภูเขาฟูจิ เคยมีคนทำสถิติไว้ว่าใช้เวลาเดินไปจนถึงยอด Kofuji แค่ 20 นาทีเท่านั้น จากสถานีที่ 5 โดยใช้เส้นทางตัดผ่านแนวป่า

6901_03

 

Cr. ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก japan-guide.com

วิธีเดินทาง

รถบัสไปยัง Subashiri 5th Station

จาก Gotemba Station:
1,540 yen (เที่ยวเดียว), 2,060 yen (ไป-กลับ), เวลาเดินทาง 60 นาที
มีรถให้บริการ 7-11 เที่ยวไปกลับต่อวันในช่วงฤดูกาล
มีรถให้บริการ 3 เที่ยวไปกลับต่อวันช่วงนอกฤดูกาลเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์และวันหยุดเท่านั้น
Bus Timetable (climbing season)
Bus Timetable (off-season)

จาก Shin-Matsuda Station:
2,060 yen (เที่ยวเดียว), 3,100 yen (ไปกลับ), เวลาเดินทาง 90 minutes
มีรสให้บริการ 4-6 เที่ยวไปกลับต่อวันในช่วงฤดูกาลปีนเขา

หาตั๋วเครื่องบินราคาถูกคลิกที่นี่

ชอบกด Like ใช่กด Share ^-^

ภูเขาไฟฟูจิที่คนไทยคุ้นเคยมานาน เพราะนอกจากจะเป็นสัญลักษณ์อันโดดเด่นของประเทศญี่ปุ่นแล้ว ยังปรากฏอยู่ในสื่อต่างๆ มากมาย จนทำให้นักท่องเที่ยวหลายคนที่ไปเที่ยวญี่ปุ่นมักจะต้องแวะเวียนไปเยี่ยมชมเป็นที่แรกๆ ของทริปเสมอ

Mount-Fuji

ภูเขาไฟฟูจินั้นมีความสูงอยู่ที่ 3,776 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล เป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั้งหลายที่อยากจะไปพิชิตยอดฟูจิให้ได้สักครั้งในชีวิต รู้จริงญี่ปุ่นได้รวบรวมข้อมูลสำหรับการเตรียมตัวและรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับการปีนขึ้นภูเขาไฟฟูจิมาให้ตามรายละเอียดด้านล่าง

ฤดูกาลปีนเขาฟูจิเริ่มเมื่อไหร่ถึงเมื่อไหร่

เมื่อฤดูร้อนของประเทศญี่ปุ่นมาถึง การปีนภูเขาไฟฟูจิก็เป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก

6901_05

ฤดูกาลปีนเขาฟูจินั้นเริ่มตั้งแต่ต้นกรกฎาคมไปจนถึงกลางกันยายนของทุกปี โดยเส้นทางและสิ่งอำนวยความสะดวกบนเขาจะเริ่มเปิดให้บริการ ในช่วงนี้ภูเขาฟูจิจะไม่มีหิมะแล้ว อากาศก็เหมาะสม ไม่มีลมแรง รถบริการสาธารณะก็สามารถเข้าถึงได้อย่างสะดวก กระท่อมระหว่างทางก็เปิดให้บริการ นักปีนเขาทั้งหลายจะทยอยกันมาขึ้นเขาในช่วงนี้ ส่วนวันที่เฉพาะเจาะจงนั้นขึ้นอยู่กับประกาศในแต่ละปีแล้วก็ขึ้นอยู่กับแต่ละเส้นทาง (Trails) อีกด้วย

สามารถเช็ควันเปิด-ปิดฤดูกาลของแต่ละ Trails ได้ที่นี่ 

ช่วงที่ควรหลีกเลี่ยงเนื่องจากนักท่องเที่ยวเยอะมาก

ช่วงพีคของการปีนเขาฟูจิคือช่วงโรงเรียนปิดเทอมระหว่าง 20 กฤกฎาคม – ปลายสิงหาคม แล้วช่วงที่พีคที่สุดแบบนักปีนเขาต้องเข้าคิวกันขึ้นเขาเลยคือช่วง Obon Week ในราวๆ กลางสิงหาคม

2013-08-02-HuffCrowdsonthewayup

ช่วงที่เหมาะสมสำหรับการปีนเขาคือระหว่างสัปดาห์ของต้นเดือนกฤกฎาคม ก่อนที่โรงเรียนในญี่ปุ่นจะปิดเทอม แต่ช่วงนี้ก็มีข้อเสียตรงที่อากาศจะแปรปรวนมากกว่าช่วงอื่นๆ ของฤดูกาล

นอกฤดูกาลปีนเขา ยังไปเที่ยวได้ไหม

กระท่อมข้างทางจะเปิดให้บริการไม่กี่วันก่อนเริ่มฤดูกาลและจะเปิดไปจนถึงกลางกันยายนเท่านั้น ส่วนรถบริการสาธารณะต่างๆ จะมีไม่บ่อยหรือแถบไม่มีเลยในช่วงนอกฤดูกาล

แม้ว่าจะไม่มีหิมะปกคลุมภูเขาฟูจิตั้งแต่มิถุนายนไปจนถึงตุลาคม และอุณหภูมิบนยอดเขาอาจจะลดต่ำกว่าศูนย์ได้ในบางช่วง ต้องเป็นนักปีนเขาอาชีพที่มีประสบการณ์เท่านั้นถึงจะขึ้นเขาในช่วงปลายมิถุนายนหรือกันยายม โดยเฉพาะหากมีหิมะปกคลุมยอดเขาจะต้องใช้อุปกรณ์เพิ่มเติมเป็นพิเศษ

ช่วงระหว่างตุลาคม – กลางมิถุนายน การขึ้นเขาฟูจิจะเต็มไปด้วยอันตรายมากมาย ทั้งจากสถาพอากาศ ลม หิมะ น้ำแข็ง และความเสี่ยงอื่นๆ

เพราะฉะนั้นการขึ้นเขาฟูจินอกฤดูกาลจึงไม่แนะนำสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไป

เส้นทางขึ้นเขา (Trails)

ภูเขาไฟฟูจินั้นแบ่งออกเป็นสิบชั้น หรือที่เรียกกันว่า “สถานี” (Station) สถานีชั้นที่ 1 นั้นตั้งอยู่ตีนเขา และสถานีชั้นที่ 10 คือยอดเขา ถนนรถวิ่งสามารถเข้าถึงได้ไกลสุดคือสถานีชั้นที่ 5 ซึ่งเป็นครึ่งทางของการขึ้นสู่ยอดเขา ที่สถานีในชั้นที่ 5 นี้ มีทั้งหมด 4 สถานีด้วยกัน โดยตั้งอยู่คนละด้านของภูเขา สถานีชั้นที่ 5 เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวจะมาเริ่มต้นเส้นทางขึ้นเขา

p5_04

p5_05

สถานีชั้นที่ 5 ทั้ง 4 สถานี มีสถานีอะไรบ้าง ดังนี้

fuji5thstation

  • Fuji Subaru Line 5th Station (ตั้งอยู่ที่จังหวัดยามานาชิ)
    จุดเริ่มเส้นทาง Yoshida Trail (เส้นทางที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว) ความสูง:  2,300 meters
    ใช้เวลาขึ้น: 5-7 hours
    ใช้เวลาลง: 3-5 hours
  • Subashiri 5th Station (ตั้งอยู่ที่จังหวัดชิซุโอกะ)
    จุดเริ่มเส้นทาง Subashiri Trail ความสูง: 2,000 meters
    ใช้เวลาขึ้น: 5-8 hours
    ใช้เวลาลง: 3-5 hours
  • Gotemba 5th Station (ตั้งอยู่จังหวัดชิซุโอกะ)
    จุดเริ่มเส้นทาง Gotemba Trail ความสูง: 1,400 meters
    ใช้เวลาขึ้น: 7-10 hours
    ใช้เวลาลง: 3-6 hours
  • Fujinomiya 5th Station (ตั้งอยู่จังหวัดชิซุโอกะ)
    จุดเริ่มเส้นทาง Fujinomiya Trail ความสูง: 2,400 meters
    ใช้เวลาขึ้น: 4-7 hours
    ใช้เวลาลง: 2-4 hours

ความยากง่ายในการขึ้นเขา

เส้นทางค่อนข้างสบาย ไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะการปีนเขาใดๆ มีเพียงบางช่วงที่ชันและเต็มไปด้วยหินเท่านั้น โดยจะมีป้ายบอกทางคอยเตือนนักท่องเที่ยวอยู่เสมอว่าจะมีอุปสรรคอะไรเล็กๆ น้อยๆ คอยอยู่ในทางข้างหน้า หรือช่วงไหนมีหินถล่มก็จะมีป้ายคอยเตือนตลอด สิ่งท้าทายเดียวของการขึ้นเขาฟูจิก็คืออ็อกซิเจนจะเบาบางลงเรื่อยๆ เมื่อเราขึ้นสูงขึ้นไปเรื่อยๆ เท่านั้นเอง

จ้างไกด์ จำเป็นไหม

ไม่จำเป็น เพราะทางขึ้นเขาไม่ได้ลำบากอะไร ที่สำคัญจะมีนักท่องเที่ยวใช้เส้นทางต่างๆ อยู่เสมอตลอดช่วงฤดูกาลปีนเขา คนส่วนมากไม่จำเป็นต้องมีไกด์นำทาง แต่ว่านักท่องเที่ยวบางคนที่ไม่อยากหาข้อมูลเส้นทางต่างๆ ด้วยตนเองอาจใช้บริการไกด์ท้องถิ่นหรือบริษัททัวร์ได้ หรือจะซื้อเป็นแพคเกจปีนเขามาจากโตเกียวเลยก็ได้

ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการขึ้นเขา

นักท่องเที่ยวส่วนมากจะทำเวลาเพื่อขึ้นไปถึงยอดเขาให้ทันพระอาทิตย์ขึ้น โดยเฉพาะช่วงเวลาเช้าๆ เป็นช่วงเวลาที่ยอดเขามีฟ้าโปร่งไม่มีเมฆปกคลุม

คำแนะนำสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการขึ้นไปดูพระอาทิตย์ขึ้น คือให้ปีนขึ้นไปที่สถานีชั้นที่ 7 หรือ 8 ก่อนในวันที่หนึ่งและนอนพักที่นั้นคืนหนึ่งก่อนจะตื่นแต่เช้าเพิ่อเดินขึ้นไปบนยอดเขาในเช้าตรู่ของวันที่สอง พระอาทิตย์ที่ฟูจิจะขึ้นโดยประมาณเวลา ตี 4:30 – 5:00 ในช่วงฤดูร้อน

Climbing Fuji1ภาพจากยอดเขาฟูจิตอนประมาณ​ 4:15น. อีกนิดพระอาทิตย์ก็จะขึ้นแล้ว

Climbing Fuji2

พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว

การขึ้นและลงภูเขาฟูจิภายในหนึ่งวันนั้นทำได้ แต่ไม่แนะนำ เพราะนักท่องเที่ยวจะเดินกลางแดดตลอดช่วงบ่ายเพราะบนนั้นไม่มีร่มเงาเพียงพอและที่สำคัญทัศนวิสัยบนเขาจะค่อนข้างมืดเป็นบางช่วงระหว่างวันเพราะเมฆมากบนบังแสงอาทิตย์

การเดินรอบปากปล่องภูเขาไฟจะใช้เวลาทั้งหมด 1 ชั่วโมง จุดสูงที่สุดของภูเขาฟูจิและประเทศญี่ปุ่นจะอยู่ถัดจาก Weather Station ตรงข้ามกับจุดสิ้นสุดของ Yoshida Trail

กระท่อมพักแรมบนเขา

หากใช้เส้นทาง Yoshida Trail จะมีกระท่อมพักแรมให้บริการในสถานีชั้นที่ 7 และ 8 อยู่มากกว่าสิบสองแห่ง ส่วนเส้นทางอื่นๆ จะมีจำนวนน้อยกว่า ส่วนมากแล้วราคาค้างคืนจะอยู่ราวๆ 5,000 เยน ต่อคน โดยไม่มีอาหารบริการ และ 7,000 เยน ต่อคนรวมอาหารสองมื้อ ช่วงพีคของฤดูกาลปีนเขา กระท่อมพักแรมเหล่านี้จะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว แนะนำให้จองที่พักไปล่วงหน้าหากใครวางแผนจะค้างคืนบนฟูจิ

นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปหาเบอร์โทรสำหรับจองที่พักบนเขาได้ที่เวปไซด์ของ The Fujiyoshida City ตามลิงค์นี้ 

กระท่อมบางแห่งก็อนุญาติให้นักท่องเที่ยวที่ไม่ได้ตั้งใจจะค้างแรมเข้าไปนั่งพักด้านในได้ โดยจะคิดราคา 1,000 – 2,000 เยน ต่อคน ต่อชั่วโมง บางแห่งมีห้องน้ำให้บริการแต่ต้องเสียค่าบริการ ราวๆ 100 – 200 เยน และมีบริการขายอาหาร น้ำดื่มและอุปกรณ์จำเป็นอื่นๆ ด้วย เช่น อ๊อกซิเจนกระป๋อง อีกหนึ่งบริการที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบคือ การประทับตราลงบนไม้เท้าปีนเขา นักท่องเที่ยวนิยมไปซื้อไม้เท้าปีนเขาก่อนเริ่มเดินทางแล้วนำไปประทับตราไว้เพื่อเป็นที่ระลึก โดยมีการเสียค่าบริการประทับตราเพียงเล็กน้อย

อุปกรณ์ปีนเขาที่จำเป็น

เพื่อให้การเดินขึ้นเขาฟูจิของเราปลอดภัย เรามาเตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็นและต้องนำไปด้วยกันก่อนดีกว่า

  • รองเท้า
    ต้องใช้รองเท้าปีนเขาเท่านั้นเพราะบางช่วงอาจจะต้องปีนขึ้นที่ชันหรือทางเดินเป็นหิน แนะนำรองเท้าปีนเขาแบบหุ้มข้อเพื่อปกป้องข้อเท้าของนักท่องเที่ยว
  • เสื้อผ้า
    เตรียมเสื้อผ้ากันหนาวเพราะอุณหภูมิจะต่ำและต้องเตรียมเสื้อกันลมไปด้วย บางครั้งบนยอดฟูจิอาจมีอุณหภูมิต่ำกว่าศูนย์องศาได้ และมีลมแรงทำให้อากาศหนาวยิ่งหนาวขึ้นไปอีก ควรจะติดเสื้อกันฝนไปด้วย เพราะสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงรวดเร็วบนเขา ถุงมือก็เป็นไอเท็มที่สำคัญเพราะนอกจากจะปกป้องมือเราจากอากาศหนาวแล้วยังใช้สำหรับปีนป่ายในช่วงทางชันและช่วงที่เป็นหินได้
  • ไฟฉาย แนะนำไฟฉายติดหัว
    สำคัญมาก โดยเฉพาะหากเราวางแผนจะขึ้นเขาช่วงกลางคืนหรือเช้ามืด นักท่องเที่ยวบางคนใช้ไฟฉายแบบติดศีรษะซึ่งช่วยให้มือทั้งสองข้างวางสำหรับภารกิจอื่นๆ
  • อาหาร
    ควรเตรียมอาหารและน้ำดื่มไปให้เพียงพอ โดยเฉพาะหากนักท่องเที่ยวเลือกใช้เส้นทางที่ไม่ค่อยมีกระท่อมค้างแรมให้บริการ กระท่อมค้างแรมบนเขาเหล่านี้มีบริการน้ำและเครื่องดื่ม แต่ราคาก็จะสูงขึ้นตามความสูงเช่นกัน อย่าลืมเตรียมถุงขยะไว้สำหรับทิ้งขยะของเราเองไปด้วย เพราะบนเขาไม่มีบริการถังขยะสาธารณะ
  • เงิน เงิน เงิน
    เงินสดสำคัญมาก เพราะต้องใช้ซื้ออุปกรณ์จำเป็นบนเขาเช่นน้ำดื่ม อ๊อกซิเจนกระป๋องและใช้สำหรับเข้าห้องน้ำตลอดเส้นทาง และอาจต้องใช้ในกรณีฉุกเฉินเช่นต้องค้างแรม และอื่นๆ
  • ไม้เท้าปีนเขา (บางคนไม่ใช้)
    นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมซื้อไม้เท้าปีนเขาจากสถานีชั้นที่ 5 เพื่อช่วยผยุงระหว่างทาง ไม้เท้าปีนเขาเหล่านี้ราคาประมาณ 1,500 – 2,000 เยน มีขายตามร้านที่สถานีชั้นที่ 5 ทุกสถานียกเว้น สถานี Gotemba และหากเราเสียงเงินเพิ่มอีกไม่กี่ร้อยเยนเราจะสามารถนำไม้เท้าเหล่านี้ไปประทับตราไว้เป็นที่ระลึกได้อีกด้วยตามสถานีชั้นต่างๆ ที่เราผ่านก่อนจะไปถึงยอดเขา เป็นของที่ระลึกสำหรับนำกลับบ้านที่ได้รับความนิยม

มารยาทในการปีนเขาที่ควรรู้

ห้ามเด็ดต้นไม้หรือดอกไม้

ห้ามเก็บก้อนหินกลับบ้าน

ห้ามตั้งแคมป์บนเขา

ค่าบริการ

ในช่วงฤดูกาลปีนเขา นักท่องเที่ยวจะต้องจ่ายค่าผ่านทางประมาณ 1,000 เยน ต่อคน ค่าบริการเหล่านี้จะถูกนำไปใช้เพื่ออำนวยความสะดวกและดูแลสิ่งแวดล้อมและมาตราการความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวที่มาในแต่ละปี

Altitude Sickness หรือโรคของคนขึ้นที่สูง

ร่างกายคนเราต้องใช้เวลาในการปรับตัวให้เข้ากับชั้นบรรยากาศบนที่สูง ไม่อย่างนั้นจะเกิดอาการเวียนศีรษะ วิงเวียนและมีอาการคลื่นไส้ได้ มีนักท่องเที่ยวจำนวนไม่เยอะหนักที่เจ็บป่วยจากอาการ Altitude Sickness

เพื่อหลีกเลี่ยงอาการไม่พึงประสงค์ คำแนะนำคือให้เดินช้าๆ ดื่มน้ำเยอะ แล้วหยุดพักบ่อยๆ และควรนอนพักค้างแรมที่สถานีชั้นที่ 7 และ 8 แทนที่จะรีบเร่งไปให้ถึงยอดเขา ควรซื้ออ๊อกซิเจนกระป๋องติดตัวมาจากสถานีชั้นที่ 5 หรือตามกระท่อมที่พักต่างๆ วิธีการเหล่านี้ทำให้เราสามารถหลีกเลี่ยงอาการไม่พึงประสงค์จากอาการ Altitude Sickness ได้

อย่างไรก็ตามวิธีที่จะรักษาอาการนี้คือต้องลงเขาอย่างเดียวเท่านั้น

วิธีการเดินทาง

รถบัสไปยัง Fuji Subaru Line 5th Station

จาก Shinjuku Station (Tokyo):
2,700 yen (เที่ยวเดียว), เวลาเดินทาง 140 นาที
6-10 เที่ยวต่อวันในช่วงฤดูกาลปีนเขา
2 เที่ยวต่อวันสำหรับวันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดในช่วงนอกฤดูกาล
Bus Timetable (climbing season)
Bus Timetable (off-season)

จาก Fujisan/Kawaguchiko Station:
1,540 yen (เที่ยวเดียว), 2,100 yen (ไป-กลับ), เวลาเดินทาง 50 นาที
มีรถให้บริการ 1-2 คันต่อชั่วโมงในช่วงฤดูกาลปีนเขา
มีรถให้บริการชั่วโมงละคันในช่วงนอกฤดูกาล
Bus Timetable (climbing season)
Bus Timetable (off-season)
How to get to Kawaguchiko Station

รถบัสไปยัง Subashiri 5th Station

จาก Gotemba Station:
1,540 yen (เที่ยวเดียว), 2,060 yen (ไป-กลับ), เวลาเดินทาง 60 นาที
มีรถให้บริการ 7-11 เที่ยวไปกลับต่อวันในช่วงฤดูกาล
มีรถให้บริการ 3 เที่ยวไปกลับต่อวันช่วงนอกฤดูกาลเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์และวันหยุดเท่านั้น
Bus Timetable (climbing season)
Bus Timetable (off-season)

จาก Shin-Matsuda Station:
2,060 yen (เที่ยวเดียว), 3,100 yen (ไปกลับ), เวลาเดินทาง 90 minutes
มีรสให้บริการ 4-6 เที่ยวไปกลับต่อวันในช่วงฤดูกาลปีนเขา

รถบัสไปยัง Gotemba 5th Station

จาก Gotemba Station:
1,110 yen (เที่ยวเดียว), 1,540 yen (ไปกลับ), ใช้เวลาเดินทาง 40 นาที
มีรถให้บริการ 4-7 เที่ยวไปกลับต่อวันในช่วงฤดูกาลปีนเขา
มีรถให้บริการ 3 เที่ยวไปกลับต่อวันในช่วงนอกฤดูกาลเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์และวันหยุดเท่านั้น
Bus Timetable (climbing season)
Bus Timetable (off-season)

รถบัสไปยัง  Fujinomiya 5th Station

จาก Shin-Fuji and Fujinomiya Stations:
2,380 yen (เที่ยวเดียว), 3,100 yen (ไปกลับ), ใช้เวลาเดินทาง 120 นาที ตากสถานี Shin-Fuji Station
2,030 yen (เที่ยวเดียว), 3,100 yen (ไปกลับ), ใช้เวลาเดินทาง 90 นาที จากสถานี Fujinomiya Station
มีรถให้บริการทุกชั่วโมงในช่วงฤดูกาลปีนเขา
มีรถให้บริการ 3 เที่ยวไปกลับต่อวันในช่วงนอกฤดูกาลเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์และวันหยุดเท่านั้น
Bus Timetable (climbing season)
Bus Timetable (off-season)
How to get to Fujinomiya

จาก Mishima Station:
2,460 yen (เที่ยวเดียว), 3,100 yen (ไปกลับ), ใช้เวลาเดินทาง 120 นาที
มีรถให้บริการ 1-6 เที่ยวไปกลับต่อวันในช่วงฤดูกาลปีนเขาเท่านั้น
Bus Timetable (climbing season)

การเดินทางโดยรถยนต์

เส้นทางรถยนต์ไปที่ Fuji Subaru Line 5th Station, Subashiri 5th Station และ Fujinomiya 5th Station จะปิดไม่ให้รถผ่านในช่วงฤดูกาลปีนเขา อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บทความของแต่ละสถานีชั้นที่ 5

 

 783c339d80fa16877b2027bbb6d6fdc0

20170323_123647_5b0ecc0b_wh800

  • Shinjuku Gyoen
    ที่นี่มีต้นซากุระหลากหลายสายพันธุ์อยู่มากถึงหนึ่งพันต้น ที่จะบานช้าเร็วต่างกัน ทำให้กลายเป็นจุดชมซากุระสำหรับคนที่พลาดจากจุดอื่นๆ ที่บานไปก่อนหน้า
    ช่วงเวลาชมซากุระ คือ ต้นเมษายน
    วิธีเดินทาง เดินเท้า 10 นาทีจาก Shinjuku Station 
    ค่าเข้าชม: 200 เยน
    เวลาเปิดปิด 9:00 – 16:30 น.

 

ueno-park-04-1

Ueno-Park-Tokyo-cr-getty

  • Ueno Park
    สวนสาธารณะที่เป็นที่นิยมสำหรับไปชมซากุระบาน คนจะเยอะและครึกครื้นตลอดเทศกาลฮานามิ ที่นี่มีต้นซากุระอยู่นับพันต้น
    ช่วงเวลาชมซากุระ คือ ต้นเมษาน จะบาน 1 – 3 วันก่อนหน้าซากุระที่อื่นๆ ในโตเกียว
    วิธีเดินทาง ใกล้กับ Ueno Station 
    ค่าเข้าชม:ฟรี

 

160401_tokyo_00

 

lg

 

  • Chidorigafuchi
    ซากุระนับร้อยๆ ต้นรอบคูเมืองที่เคยเป็นที่ตั้งของปราสาทสมัยเอโดะบริเวณสวนสาธารณะ Kitanomaru Park จุดนี้กลายเป็นสถานที่ชมซากุระบานที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของโตเกียว มีการประดับประดาไฟตามต้นซากุระยามค่ำคืน สามารเช่าเรือล่องดูซากุระได้ ไม่ไกลจากจุดนั้นมีออกร้านขายอาหารบริเวณศาลเจ้า Yasukuni Shrine ที่ก็เป็นจุดชมซากุระอีกแห่งหนึ่งเช่นกัน
    ช่วงเวลาชมซากุระ คือ ต้นเมษายน 
    วิธีเดินทาง ใกล้กับ Kudanshita Station 
    ค่าเข้าชม:ฟรี

 

27587

original-6e422f5785e78166f4c9503d26f46741f84c58fe

  • Sumida Park
    สวนสาธารณะแห่งนี้ทอดยาวตามสองฝั่งแม่น้ำ Sumida River และมีฉากหลังเป็น Tokyo Sky Tree ที่นี่มีออกร้านขายอาหาร และสามารถล่องเรือชมซากุระได้ ตอนกลางคืนต้นซากุระจะประดับประดาไปด้วยไฟสวยงาม
    ช่วงเวลาชมซากุระ คือ ต้นเมษายน 
    วิธีเดินทาง ใกล้กับ Asakusa Station 
    ค่าเข้าชม:ฟรี

2163_01

555f8e900423bdc4108b4573

A3F7KE

สิ่งที่ควรเตรียมตัวเป็นอันดับแรก ก่อนไปเที่ยวเทศกาลหิมะประจำเมืองซัปโปโรปีหน้านั้น คือ กาปฏิทินไว้เลยว่าเทศกาลหิมะเมืองซัปโปโรปีหน้าจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6 – 12 กุมภาพันธ์ 2018

เทศกาลหิมะเมืองซัปโปโรนั้นจะจัดเป็นประจำทุกปีในเดือนกุมภาพันธ์ โดยจะจัดแค่ประมาณหนึ่งสัปดาห์เท่านั้น และจะจัดอยู่ที่เมืองหลวงของเกาะฮอกไกโด คือเมืองซัปโปโรนั่นเอง

จุดเริ่มต้นของเทศกาลหิมะอันโด่งดัง เกิดเมื่อราวปี 1950 เพราะมีนักเรียนมัธยมปลายกลุ่มหนึ่งปั้นรูปปั้นด้วยหิมะไว้ที่ Odori Park ที่เป็นสวนสาธารณะใหญ่ใจกลางเมืองซัปโปโร  จากนั้นมันก็ได้รับการสืบต่อเนื่องมา มีรูปปั้นและน้ำแข็งสลักมากขึ้นเรื่อยๆ  ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และกลายเป็นจุดขายประจำเมืองไปทุกๆ ปี โดยแต่ละปีมีคนมาเที่ยวดูเจ้ารูปปั้นน้ำแข็งพวกนี้มากกว่าสองล้านคนจากทั่วโลก

 

จุดชมเทศกาลหิมะหลักๆ มีสามจุด คือ Odori Site, Susukino Site และ Tsu Dome Site

 

20121228205321580

70535386_Snezhnuyy_festival_2

Odori Site
Odori Site เป็น จุดหลักๆ ที่คนนิยมไป เพราะเป็นจุดชมน้ำแข็งสลักขนาดใหญ่กลางสวนสาธารณะ Odori Park ที่ทอดยาวไป 1.5 กิโลเมตร มีรูปสลักน้ำแข็งขนาดยักษ์หลักๆ มากมาย บางชิ้นกว้างกว่า 25 เมตร และสูงกว่า 15 เมตรเสียอีก

ในงานกลาง Odori Park จะเปิดให้เข้าชมทุกวันจนถึงเวลา 22:00น. มีน้ำแข็งสลักขนาดยักษ์มากถึงสิบสองชิ้น และมีรูปปั้นขนาดเล็กอีกมากกว่าร้อยชิ้น แถมยังมีคอนเสิร์ตกลางแจ้งและกิจกรรมต่างๆ มากมาย ซึ้งกิจกรรมเหล่านี้จะมีฉากหลังเป็นรูปปั้นน้ำแข็งสลักที่สวยงาม

จุดชมเทศกาลหิมะอีกจุดที่จะได้วิว Odori Park จากมุมสูงคือที่ตึก Sapporo TV Tower ทางด้านตะวันออกของ Odori Park ตึกนี้จะเปิดให้บริการตั้งแต่ 8:30 – 22:30น. ทุกวันในช่วงเทศกาล โดยมีค่าเช้าชมด้านบน 720 เยนสำหรับผู้ใหญ่ ส่วนใครจะมาชมหลายเที่ยวทั้งกลางวันและกลางคืน สามารถซื้อตั๋วทั้งวันได้ในราคา 1100 เยน

 

content_3

 

caption

Susukino Site

Susukino site จะอยู่ห่างจาก Odori Park ไปแค่หนึ่งสถานีรถไฟใต้ดินเท่านั้น ตรงนี้มีรูปสลักน้ำแข็งประมาณร้อยชิ้น และเปิดให้เข้าชมถึง 23:00น. ทุกวัน (ยกเว้นวันสุดท้ายที่จะปิดเวลา 22:00น.)

 

10-2-6sm_01568

©Hokkaido-Tourism-Organization-©-JNTO-2-cropped

Tsu Dome Site

จุดสุดท้ายจะอยู่ห่างจากกลางเมืองออกมา เป็นจุดที่เหมาะสำหรับไปแบบครอบครัว เพราะนอกจากรูปสลักน้ำแข็งเหมือนจุดอื่นๆ แล้ว จุด Tsu Dome Site ยังมีสไลเดอร์หิมะสามถึงสามแบบ และมีเลื่อนหิมะให้เล่นอีกด้วย

ด้านในโดมยังมีงานออกร้านขายอาหารมากมาย และมีเวทีจัดกิจกรรมต่างๆ ด้วย

Tsu Dome Site เปิดทุกวันตั้งแต่ 9:00 – 17:00น. โดยจุดนี้ในปีหน้าจะเปิดให้เข้าชมก่อนหน้าจุดอื่นๆ คือเปิดตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ เป็นต้นไป

 

การเดินทางไปยัง Tsu Dome Site

  • นั่งรถไฟใต้ดินสาย Toho Subway Line ไปที่สถานี Sakaemachi Station (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาทีจาก Sapporo Station ค่าโดยสาร 250 เยน) แล้วเดินต่ออีก 15 นาที
  • นั่งรถ Shuttle bus จาก Odori Site และ จาก Sapporo Station ค่าบริการเที่ยวเดียว 210 เยน มีรถออกทุกๆ 15 – 30 นาที

ไม่แนะนำให้ขับรถไป เพราะที่ Tsu Dome Site จะไม่มีบริการที่จอดรถ

ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับดูดอกซากุระบานที่ซัปโปโร คือ ต้นเดือนพฤษภาคม – กลางเดือนพฤษภาคม และสถานที่ยอดฮิตสำหรับดูซากุระบานที่ซัปโปโรมีดังนี้

Maruyama Park 

maruyama-park

Hokkaido Shrine

japan---6h5m-sapporo-furano--great-earth--0-1197

Maruyama Park and Hokkaido Shrine – สวนสาธารณะมารุยามะ และศาลเจ้าฮอกไกโดตั้งอยู่ข้างกัน เดินทางไปก็ง่ายดายสะดวกสบาย เป็นสถานที่ยอดฮิตที่คนพากันไปดูซากุระบานเป็นประจำทุกๆ ปี แถมยังพกเสื้อพออาหารไปปิกนิคกลางแจ้งพร้อมดูดอกไม้กับเพื่อนๆ ได้อีกด้วย

วิธีเดินทาง ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Tozai Subway Line ไปที่สถานี Maruyama Koen Station แล้วเดินอีก 5 นาที

 

2639

Odori Park – สวนโอโดริ เป็นสวนสาธารณะยอดนิยมตั้งอยู่กลางเมืองซัปโปโรทีเดียว แต่แม้จะไปง่าย แต่ที่นี่ก็ไม่ได้มีต้นซากุระเป็นทิวแถวออกดอกทีสีชมพูละลานตาเหมือนที่อื่นๆ แต่ละต้นจะตั้งอยู่กระจัดกระจายรอบๆ สวน ให้บรรยากาศสวยงามไปอีกแบบ

 วิธีเดินทาง ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Tozai, Nanboku หรือ Toho Subway Lines ไปลงที่สถานี Odori Station สวน Odori Park จะอยู่ข้างสถานีเลย

 

348_323520120510220351jpg

Moerenuma Park – สวนสาธารณะ Moerenuma นั้นออกแบบโดยศิลปินชาวญี่ปุ่น Isamu Noguchi ให้มีองค์ประกอบความสวยงามที่แปลกตา และสวนหนึ่งของสวนสาธารณะแห่งนี้คือดงต้นซากุระเรียงรายละลานตา

ปล. ดอกซากุระที่ Moerenuma Park จะบานช้ากว่าที่อื่นในซัปโปโร โดยจะบานตั้งแต่กลางเดินพฤภาคมเป็นต้นไป

วิธีเดินทาง นั่งรถบัส 25 นาที จากสถานี Kanjodori-higashi Station (สาย Toho Subway Line)

 

เมืองฮาโกเน่ (Hakone) เป็นส่วนหนึ่งของ Fuji-Hakone-Izu National Park อยู่ห่างจากโตเกียวไปแค่ 100 กิโลเมตร เป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวต้องแวะไปให้ได้สักครั้ง
tk-hakone-map
ฮาโกเน่ มีชื่อเสียงในเรื่องน้ำพุร้อน และธรรมชาติที่สวยงาม ที่มีฉากหลังเป็นวิวภูเขาไฟฟูจิ และไข่กัมะถัน นอกจากจะโด่งดังในหมู่นักท่องเที่ยวแล้ว ฮาโกเน่ยังเป็นสถานที่ที่คนญี่ปุ่นนิยมไปพักผ่อน หรือหลีกหนีความวุ่นวานจากโตเกียว เพราะการเดินทางสะดวกรวดเร็ว สามารถเที่ยวได้จบภายในหนึ่งวัน
mix-hakone
ว่ากันว่าจะมาเที่ยวฮาโกเน่ต้องเดินทางด้วยยานพาหนะให้ครบห้าอย่าง รถไฟด่วน รถไฟ รถราง กระเช้าลอยฟ้า นั่งเรือล่องทะเลสาบ และจบที่รถบัส ซึ่งการเดินทางทั้งหมดเชื่อมต่อถึงกันเป็นเส้นทางท่องเที่ยวเดียวที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวทั้งญี่ปุ่นและต่างชาติ สะดวกสบาย รับรองไม่มีหลงแน่นอน
fu04
hakone_cruise_mt_ashie
IMG_2601
เรือที่เป็นสัญลักษณ์ของฮาโกเน่
IMG_2596
hakone-hot-spring 6215256412_ed5ecc35c1_o
วิวจากท้ายเรือในทะเลสาบฮาโกเน่
การเดินทางทั้งหมดสามารถซื้อตัวที่เรียกว่า Hakone Free Pass ได้ ซึ่งรวมต่าเดินทางทุกอย่างตั้งแต่รถไฟจากโตเกียว
HakoneFreePass
ลองเปรียบเที่ยบราคาตัวฮาโกเน่ฟรีพาสกับการซื้อตั๋วแยกดูนะคะ
ตั๋วอำนวยความสะดวกให้ได้ท่องเที่ยวไปรอบๆฮาโกเน่
ซึ่งจะคุ้มค่ามากยิ่งขึ้นเมื่อซื้อและเริ่มใช้ตั๋วที่สถานีชินจูกุ
นักท่องเที่ยวสามารถซื้อตั๋วนี้จาก สถานีชินจุกุสายโอดะคิว พร้อมส่วนลดอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ฮาโกเน่ฟรีพาสสามารถหาซื้อได้ตั้งแต่ 1 เดือนล่วงหน้าก่อนวันโดยสาร โดยซื้อได้ที่ทุกสถานีของรถไฟสายโอดะคิว
* สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการท่องเที่ยวโอดะคิว ชินจูกุ โทร 03-5321-7887, 8:00 ถึง 18:00 ตลอดปี ไม่มีวันหยุด

156

6365_01

ฟูจิโนะมิยะ (Fujinomiya)  เป็นเมืองหนึ่งในจังหวัดชิซูโอกะ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของภูเขาไฟฟูจิ เป็นเมืองที่เป็นที่ตั้งของ ‘ศาลเจ้าฟุจิโนะมิยะเซนเงน’ (Fujinomiya Sengen Shrine) ศาลเจ้าสำคัญที่สุดของละแวกนั้น และยังเป็นจุดเริ่มต้นในการปีนภูเขาไฟฟูจิอีกด้วย

นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวญี่ปุ่นแล้วมีจุดหมายที่ภูเขาไฟฟูจิสามารถเริ่มเส้นทางขึ้นเขาได้ที่ Fujinomiya 5th Station ที่นับเป็นเส้นทางขึ้นเขาที่สั้นที่สุดและเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยว

 

6368_01

6034_01

ฟูจิโนะมิยะ ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่ง นั่นก็คือน้ำตก Shiraito Falls หนึ่งในน้ำตกที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดในประเทศญี่ปุ่น น้ำตกแห่งนี้ตั้งอยู่แทบชานเมืองออกไปตามเส้นทางของ Fuji Five Lakes ที่อยู่ทางตอนเหนือของภูเขาไฟฟูจิ

 

การเดินทาง

(สามารถใช้ JR Pass ได้)

จากโตเกียว วิธีที่เร็วที่สุดคือนั่งรถไฟชินตังเซ็น สาย Tokaido Shinkansen Kodama ไปที่ Mishima และเปลี่ยนไปขึ้น Shizuoka-bound JR Tokaido Line ไปลงที่ Fuji Station จากนั้นให้เปลี่ยนไปนั่ง JR Minobu Line ตรงไปที่สถานี Fujinomiya ใช้เวลาเดินทางประมาณสองชั่วโมงจากโตเกียว