Ad
Ad
Ad
Author

admin

Browsing

12107765_1260281707321519_6496580924044309229_n

Fuji Five Lake (Fujigoko) หรือ ทะเลสาบบริวาณทั้งห้าแห่งภูเขาไฟฟูจิ ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของภูเขาไฟฟูจิ อยู่ที่ระดับประมาณหนึ่งพันเมตรเหนือกว่าระดับน้ำทะเล ทะเลสาปทั้งห้ามีชื่อว่า ทะเลสาบคาวากูจิโกะ (Kawaguchiko), ทะเลสาบยามานะคาโกะ (Yamanakako), ทะเลสาบไซโกะ ( Saiko) , ทะเลสาบโชจิโกะ (Shojiko) และทะเลสาบโมโตซุโกะ (Motosuko)  ทั้งห้าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์ที่มีชื่อเสียงเพราะเป็นที่ที่จะมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้สวยที่สุดและอยู่ใกล้กับสถานีต้นทางสำหรับปีนเขาฟูจิ

DSC_0879

Kawaguchiko Lake

 

 

 

swanyamanaka

Yamanakako Lake

 

30464_lg_1

Saiko Lake

 

lake-shojiko-fuji-five-lakes

Shojiko Lake

 

17346

Motosuko Lake

 

Fuji Five Lake เป็นที่รู้จักกันดีในด้านเป็นบริเวณที่มีรีสอร์ตมากมาย มีกิจกรรมสนุกสนานเยอะ อาทิเช่น ปีนเขา แคมป์ปิ้ง ตกปลา snow sport และอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ยังมีชื่อด้านน้ำพุร้อน และพิพิธภัณฑ์อีกด้วย และไม่ไกลยังเป็นที่ตั้ง Fuji Q Highland ที่เป็นหนึ่งในสวนสนุกที่มีชื่อเสียงของประเทศญี่ปุ่นที่โด่งดังในเรื่องรถไฟเหาะ

ในบรรดาทะเลสาบทั้งห้า ทะเลสาบคาวากูจิโกะ สามารถเดินทางไปได้สะดวกง่ายดายและมีบริการทุกอยู่ครบสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่วนทะเลสาบอีกสี่แห่งจะไม่ได้รับการพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเท่ากับทะเลสาบคาวากูจิโกะ และเดินทางไปค่อยข้างยากเพราะไม่มีรถสาธารณะให้บริการ

ท่องเที่ยวรอบบริเวณทะเลสาบคาวากูจิโกะและทะเลสาบอื่นๆ 

สถานีรถไฟหลักของบริเวณนี้มีอยู่สองแห่งคือ สถานีรถไฟคาวากูจิโกะ และสถานีรถไฟฟูจิซัง (Fujisan Station) ทั้งสองสถานีอยู่ในเส้นทางรถไฟของ Fujikyu และจากสองสถานีนี้จะมีรถบัสวิ่งไปยังส่วนต่างๆ ของทะเลสาบทั้งห้ารอบภูเขาไฟฟูจิ

จักรยาน เป็นตัวเลือกที่ดีในการท่องเที่ยวรอบบริเวณทะเลสาบ โดยจะมีร้านเช่าจักรยานอยู่ตามสถานีรถไฟ เช่น สถานีคาวากูชิโกะ มีร้านเช่าจักรยานอยู่ 2-3 ร้าน ค่าเช่าจักรยานธรรมดาอยู่ที่ประมาณ 1,000 เยน ระยะทางขี่จักรยานรอบทะเลประมาณ 20 กิโลเมตร

Retro Bus หรือ Sightseeing Bus เป็นอีกวิธีเดินทางที่ง่ายที่สุดในการเที่ยวบริเวณรอบๆ ทะเลสาบคาวากูชิโกะ และทะเลสาปไซโกะ  Retro Bus มี 2 สายคือ สายที่วิ่งวนขึ้นไปทางเหนือของทะเลสาบคาวากูชิโกะ เริ่มต้นที่ด้านหน้าสถานีรถไฟคาวากูชิโกะ มีรถวิ่งทุกๆ 15 นาที และอีกสายที่เริ่มที่เดียวกันแต่จะวิ่งลงทางใต้ของทะเลสาปคาวากูชิโกะแล้วไปวิ่งรอบทะเลสาบไซโกะต่อ

Sightseeing Bus All Line (Red, Green, Blue) ราคา 1,500 เยน

Kawaguchiko and Saiko Retro Sightseeing Bus ราคา 1,200 เยน

*บัตรโดยสารมีอายุการใช้งานสองวัน และไม่สามารถเปลี่ยนคืนเป็นเงินสดได้

สามารถเช็ครอบรถบัสและเส้นทางเดินรถได้ที่ http://bus-en.fujikyu.co.jp/heritage-tour/detail/id/1/

ส่วนทะเลสาบยามานาโกะ(Yamanako)และสวนสนุก Fuji Q สามารถนั่งรถบัสที่หน้าสถานีรถไฟคาวากูชิโกะที่จะไปชินจูกุได้เลย

สำหรับทะเลสาบอื่นๆ และสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ สามารถเดินทางได้โดยรถบัสของ Fujikyu หรือรถบัสของท้องถิ่น แต่จะวิ่งวันละไม่กี่รอบเท่านั้น โดยนักท่องเที่ยวสามารถขอตารางเวลาและเส้นทางการวิ่งได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวที่สถานีรถไฟคาวากูชิโกะ

 

วิธีการเดินทางไปที่ทะเลสาบคาวากูจิโกะ

จากโตเกียวไปทะเลสาบคาวากูจิโกะ 

  1. รถบัสจากสถานีโตเกียว (Tokyo Station) โดยรถบัสของ Fujikyu และ JR Kanto จะเดินทางไปจอดบริการบริเวณด้านหน้าของสถานีรถไฟคาวากูจิโกะ (Kawaguchiko Station) วันหนึ่งจะวิ่งทั้งหมด 6 รอบ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง ราคาตั๋ว 1,750 เยน ระหว่างทางจะจอดแวะที่ทะเลสาบยามานะคะโกะ ที่เป็นหนึ่งในห้าทะเลสาบรอบฟูจิด้วย ซื้อตั๋วโดยสารได้ที่ http://highway-buses.jp/fuji/
  2. รถบัสจากสถานีชินจูกุ (Shinjuku Station) โดยรถบัสของ Fujikyu และ Keio วิ่งชั่วโมงละ 1-2 คัน ตรงไปจอดหน้าสถานีรถไฟคาวากูจิโกะ โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ราคา 1,750 เยน ระหว่างทางจะแวะจอดที่ Fujisan Station และสวนสนุก Fuji Q Highland และบางคันจะเลยไปจอดที่ทะเลสาบยามานะคะโกะ (ใช้เวลาทั้งหมด 2 ชั่วโมงครึ่ง ราคา 2,050) ซื้อตั๋วโดยสารได้ที่ http://highway-buses.jp/fuji/
  3. รถไฟจากสถานีชินจูกุไปสถานีคาวากูจิโกะ – จากสถานีชินจูกุ ให้นั่งรถไฟสาย Chuo ไปลงที่สถานี Otsuki ใช้เวลาประมาณ 70 นาที ราคา 2,500 เยน จากนั้นให้เปลี่ยนเป็นรถไฟสาย Fujikyu ตรงไปที่สถานีคาวากูจิโกะ ใช้เวลาอีก 55 นาที ราคา 1,140 เยน (สามารถใช้บัตร JR Tokyo Wide Pass ได้ แต่ไม่สามารถใช้ JR Pass หรือ JR East Pass ได้

 จากโอซาก้าหรือเกียวโตไปทะเลสาบคาวากูจิโกะ 

  1. รถไฟจากโอซาก้าหรือเกียวโต โดยไปตั้งต้นที่สถานี Shin-Osaka ก่อน จากนั้นให้นั่งรถไฟชินคันเซนสาย Hikari ไปที่สถานี Mishima Station ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ราคา 12,000 เยน แล้วเปลี่ยนรถไฟไปขึ้นสาย Fujikyu ตรงไปยังสถานีคาวากูจิโกะ ใช้เวลาเดินทางอีก 1 ชั่วโมง ราคา 2,260 เยน
  2. รถบัสข้ามคืนจากโอซาก้า ใช้เวลาประมาณ 10 ชั่วโมงครึ่ง ราคา 8,700 เยน ซึ่งรถบัสนี้จะจอดที่สถานีรถไฟเกียวโตด้วยเช่นกัน ที่บริเวณทางออก Hachijo ใช้เวลาจากเกียวโตไปยังทะเลสาบคาวากูจิโกะประมาณ 9 ชั่วโมงครึ่ง ราคา 14,800 เยน

 จากฮาโกเน่ไปทะเลสาบคาวากูจิโกะ 

  1. เดินทางไปทะเลสาบฮาโกเน่จะใช้เวลาน้อยกว่า โดยให้ขึ้นรถบัสของ Odakyu Hakone Highway จาก Togendai หรือ Sengoku ไปลงที่สถานี Gotemba ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ราคา 710 – 1,020 เยน จากนั้นให้นั่งรถบัสของ Fujikyu ที่หน้าสถานี Gotemba ตรงไปยังสถานีคาวากูจิโกะอีก 1 ชั่วโมง ราคา 1,510  โดยจะมีรถบัสวิ่ง 1-2 คันต่อชั่วโมง

 

หาตั๋วเครื่องบินราคาถูกคลิกที่นี่

ชอบกด Like ใช่กด Share ^-^

เตรียมแพคกระเป๋า จองตั๋วเครื่องบินและที่พักแต่เนินๆ ไปดูซากุระบานกัน

ปีนี้ซากุระจะบานทั่วญี่ปุ่นตามปฏิทินข้างล่างนี้เลยจ้า

cherryblossom2017

sakura1 sakura2

หาที่พักดีๆ ราคาถูกใจได้ที่นี่เลย

 

อัพเดทล่าสุด มีนาคม 2017

 

ศาลเจ้ายาซากะ จินจา (Yasaka Jinja) หรือที่คนท้องถิ่นเรียกว่า “ศาลเจ้ากิออน” เป็นอีกหนึ่งศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงในเมืองเกียวโต ตั้งอยู่ในย่านกิออนและย่านฮิกาชิยาม่า

ศาลเจ้าแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นประมาณ 1350 ปีก่อน ด้านหน้าของอาคารหลักนี้เป็นศาลาที่มีโคมไฟหลายร้อยอันแขวนอยู่ที่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของศาลเจ้า ช่วงเย็นๆจะมีการเปิดไฟสวยงามมาก โดยโคมแต่ละอันได้มาจากการบริจาคจากร้านค้าต่างๆในเมืองเกียวโต

ศาลเจ้าแห่งนี้มีเชื่อสียงในเรื่องการจัดงานเทศกาลฤดูร้อน กิออนมัทซุริ (Gion Matsuri) ในช่วงเดือนกรกฎาคมของทุกปี ที่กลายมาเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว และอีกช่วงหนึ่งที่น่าไปเยือนคือช่วงเดือนเมษายนเพราะมีดอกซากุระบานสวยงามมาก

นอกจากวัดสวยๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของเมืองเกียวโตแล้ว อีกสัญลักษณ์หนึ่งก็คือ “เกอิชา” แห่งย่านกิออน

พอเราเสร็จจากเยือมชมศาลเจ้าก็มาเดินเล่นที่ย่านกิออน ที่เป็นย่านราตรีแห่งเมือง หรือโด่งดังเป็นที่รู้จักว่าเป็นย่านเกอิชา เพราะจะได้เห็นเกอิชาเดินไปมาในบริเวณนี้ ถนนเส้นหลักจะเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านชาและร้านอาหาร แต่ละร้านจะมีการแสดงร่ายรำและการชงชาจากเกอิโกะ (Geiko) และ ไมโกะ (Maiko) รวมถึงมีการบรรเลงเพลงแบบดั่งเดิมให้นักท่องเที่ยวชมด้วย

ย่านนี้ยังคงรักษาตัวอาคารไว้ให้เป็นอาคารไม้แบบดั่งเดิม โดยอาคารแต่ละหลังจะไม่กว้างมาก ทั้งถนนเต็มไปด้วยสีสันและผู้คน โดยเฉพาะถนน ฮานามิ-โคจิ (Hanami-Koji) ที่อยู่ระหว่างถนนชิโจและวัดเคนนินจิ (Kenninji Temple) มีร้านค้าอยู่เรียงรายเยอะมากและราคาค่อยข้างสูงเอาการเพราะมีรวมค่าโชว์ไว้ด้วย

 

ที่อยู่:  625 Gionmachi Kitagawa, Higashiyama Ward, Kyoto, Kyoto Prefecture 605-0073, Japan

ค่าเข้าชม: เข้าชมฟรี

 

วันและเวลาเปิด-ปิด: เปิดทุกวัน 24 ชม.

 

วิธีเดินทาง:

 

  • รถบัส: รถบัสสาย 100 และ 206 ลงที่ป้าย Gion Bus Stop แล้วเดินต่ออีก 5 – 10 นาที
  • รถไฟ: นั่งรถไฟ Hankyu Line ลงที่สถานี Gion Shijo Station แล้วเดินต่ออีก 10 นาทีIMG_7247 IMG_7248 IMG_7249 IMG_7250 IMG_7251 IMG_7252

เตรียมเหรียญใส่ช่องรับอยู่ข้างหน้าเชือก (ทำบุญ) แล้วดึงเชือกเข้าหาตัว .. หลายๆคนดึงเชือกลง เป็นวิธีที่ผิดนะครับ เสียงจะไม่ดัง ถ้าอยากให้เสียงดังๆ ดึงเชือกเข้าหาตัวเราครับ คือ แกว่งไปหน้า- หลัง นั่นแหละ ไม่ใช่ดึง ลง-ขึ้น

IMG_7254 IMG_7255 IMG_7256 IMG_7257

เดินมาเรื่อยๆ จะเจอประตูแบบรูปข้างล่างนี้ครับ ซึ่งข้างหน้าก็คือถนน Gion ซึ่งมีร้านอาหารและขนมต่างๆมากมาย

IMG_7258

วัดกินคะคุจิ หรือที่คนไทยรู้จักในชื่อว่า “วัดเงิน” เป็นวัดในศาสนาพุทธโชะโคะคุ นิกายรินไซเซน เป็นวัดที่สวยงามตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่บริเวณเชิงเขาของเทือกเขาทางตะวันออกของเมืองเกียวโต

วัดนี้สร้างโดยโชกุนอาชิคากะ โยชิมาสะ (Ashikaga Yoshimasa) ให้เป็นที่พักสำหรับท่านโชกุนได้อาศัยอยู่ในบั้นปลายชีวิตหลังจากลงจากอำนาจ หลังจากที่โชกุนอาชิคากะเสียชีวิตก็ได้ถูกเปลี่ยนให้เป็นวัดกินคะคุจิหรือวัดเงินในปัจจุบัน

วัดนี้สร้างตามแบบวัดคินคะคุจิ (Kinkakuji Temple) หรือวัดทอง ที่เป็นที่พำนักของปู่ของเขาเองในช่วงบั้นปลายชีวิตเช่นกัน ต่างกันที่วัดกินคะคุจิทา ตัวอาคารหลักของวัดยังคงเป็นสีน้ำตาล ตัววัดสร้างด้วยสถาปัตยกรรมที่แสดงออกถึงความเป็นญี่ปุ่นมากๆ และกลายมาเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของเมืองเกียวโต และยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมในปี ค.ศ. 1994 จากองค์การยูเนสโกอีกด้วย

ท่านโชกุนอาชิคากะใช้เวลาหลังเกษียณที่นี่เพื่อศึกษาศิลปะและพิธีชงชา ในศาลาโทะงุโดมีห้องทำพิธีชงชาที่คาดว่าเป็นต้นแบบของห้องทำพิธีชงชาในยุคหลัง ด้านหลังศาลามีลำน้ำที่ท่านโชกุนนำน้ำจากที่นี่ไปใช้ในพิธีชงชา

 

ที่อยู่ : 2 Ginkakujicho, Sakyo Ward, Kyoto, Kyoto Prefecture 606-8402, Japan

 

วิธีเดินทาง :

  • รถบัส: นั่งสาย 100 มาลงที่ป้ายรถบัสกินคะคุจิขมะเอะ (Ginkakuji-mae) แล้วเดินต่อมาประมาณ 5 นาที
  • รถไฟ: นั่งรถไฟ Keihan Railway มาลงที่สถานีเดมาชิยานากิ (Demachiyanagi Station) แล้วเดินต่อประมาณ 10 นาที

ที่จอดรถ : รถบัสจอดได้ 12 คัน ราคา 2,500 เยน, รถยนต์ จอดได้ 40 คัน ราคา 1000 เยน จอดได้ 2 ชั่วโมง

รถเข็นวีลแชร์ : เข้าได้

วันและเวลาเปิดปิด : 8:30 – 17:00 (มีนาคมถึง พฤศจิกายน, ธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ เปิดเวลา 9:00 – 16:30)

เปิดให้เข้าชม ทุกวัน

ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 500 เยน, นักเรียนชั้นมัธยมต้นและชั้นประถม 300 เยนginka

IMG_6950 IMG_6955 IMG_6956 IMG_6957 IMG_6960 IMG_6961 IMG_6965 IMG_6962 IMG_6967 IMG_6971 IMG_6969 IMG_6975 IMG_6977 IMG_6990 IMG_6993 IMG_6996 IMG_6999 IMG_7009

ที่อยู่: 294 Kiyomizu 1-chome, Higashiyama Ward, Kyoto, Kyoto Prefecture 605-0862, Japan

ค่าเข้าชม: รอบบริเวณวัดเข้าชมฟรี แต่หากอยากเข้าชมด้านใน จะมีค่าทำเนียม 300 เยน

วันและเวลาเปิด-ปิด: ทุกวัน 6:00 – 18:00 น.

วิธีเดินทาง: นั่งรถเมลล์สาย 100, 202, 206, 207 ลงที่ป้าย Kiyomizu-Michi แล้วเดินไปตามทางที่ปูด้วยหินผ่านร้านค้ามากมายทั้งสองข้างทาง เดินไปจนสุดทางจะเป็นทางเข้าวัด

kiyomisu-dera

 

วัดคิโยมิสึ (Kiyomizu-dera) หรือวัดน้ำใส เป็นหนึ่งในวัดที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในญี่ปุ่น และเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของเมืองเกียวโตที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดไปเยี่ยมชมเป็นอันดับต้นๆ

วันนี้ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 780 ชื่อของวัดมีความหมายว่าน้ำบริสุทธิ์ มาจากน้ำตกธรรมชาติโอโตวะ (Otowa Waterfall) ที่ไหลผ่านเนินเขาลงมายังบริเวณวัด วัดคิโยมิสึได้รับการเสนอชื่อให้เข้าร่วมการพิจารณาเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ เมื่อวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 2006 และยูเนสโกได้บันทึกให้วัดแห่งนี้เป็นมรดกประจำชาติญี่ปุ่นอีกด้วย (the Historic Monuments of Ancient Kyoto UNESCO World Heritage site)

 อาคารที่มีฃื่อเสียงของวัดคิโยมิสึที่คนคุ้นเคยจากภาคระเบียงขนาดใหญ่สูง 13 เมตร มีเสาไม้กว่าร้อยต้นรองรับ สร้างยื่นออกจากด้านข้างของเนินเขา จากระเบียงนี้จะสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองเกียวโตได้ เป็นจุดชมวิวที่โด่งดังของเมืองในทุกฤดูกาล โดยเฉพาะเป็นจุดชมซากุระและชมใบไม้แดงที่ขึ้นชื่อของเมืองอีกด้วย ความพิเศษของตัวอาคารไม้ของวัดคิโยมิสึก็คือมันถูกสร้างขึ้นโดยไม่มีการใช้ตะปูตอกแม้แต่ตัวเดียว

ข้างใต้อาคารหลักคือ น้ำตกโอตะวะ ซึ่งเป็นสายน้ำ 3 สายไหลลงสู่บ่อน้ำ ผู้มาเยี่ยมชมวัดมักจะมาดื่มน้ำจากน้ำตกนี้ด้วยถ้วยโลหะ ด้วยความเชื่อว่าสามารถบำบัดรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ และยังเชื่อกันว่าการดื่มน้ำจากสายน้ำตกทั้ง 3 นี้ มีความหมายถึงสุขภาพ ความรัก และความสำเร็จในการศึกษา

ภายในบริเวณวัดเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าอื่นๆจำนวนมาก ที่เป็นที่รู้จักดีคือ ศาลเจ้าจิชู (Jishu-jinja) ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อสักการะเทพโอะคุนินุชิโนะ มิโกะโตะ (Okuninushino Mikoto) เทพแห่งความรักและเนื้อคู่ ภายในศาลเจ้ามี “ก้อนหินแห่งความรัก” 2 ก้อน ตั้งอยู่ห่างกัน 18 เมตร เชื่อกันว่า หากสามารถหลับตาเดินจากก้อนหินก้อนหนึ่งไปยังอีกก้อนหนึ่งได้ จะสมปรารถนาในความรัก

IMG_7020 IMG_7025 IMG_7028 IMG_7031 IMG_7035 IMG_7038 IMG_7041 IMG_7045 IMG_7075 IMG_7079 IMG_7081 IMG_7085 IMG_7107 IMG_7108 IMG_7113 IMG_7115 IMG_7127 IMG_7140 IMG_7148 IMG_7153 IMG_7164 IMG_7169 IMG_7174 IMG_7179 IMG_7183 IMG_7187

 ที่อยู่: 68 Fukakusa Yabunouchicho, Fushimi Ward, Kyoto, Kyoto Prefecture 612-0882, Japan
ค่าเข้าขมสถานที่: ฟรี
วันและเวลาเปิดปิด: เปิดตลอดเวลา
วิธีเดินทาง: นั่งรถไฟ JR มาลงที่สถานี อินาริ (Inari) แล้วเดินเข้าไปที่ศาลเจ้าได้เลย

fushimi-inari

 

ศาลเจ้าฟูจิมิอินาริ หรือ ศาลเจ้าเทพอินาริ (Fushimi Inari Shrine) หรือที่เราเรียกกันว่า “วัดเสาแดง” “ศาลเจ้าแดง” หรือ “ศาลเจ้าจิ้งจอก” จะชื่อไหนก็ตามแต่สัญลักษณ์เสาประตูสีแดงหรือประตูโทริอิ (Torii Gate) ที่โด่งดังก็เป็นภาพคุ้นตาใครต่อหลายคน แม้จะไม่รู้ว่าวัดแห่งนี้ตั้งอยู่ที่เมืองเกียวโตนี่เอง

ศาลเจ้าเทพอินารินั่นเป็นสถานที่สำคัญประจำเมืองเกียวโตที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาเพื่อดูประตูเสาแดงโทริอิรับหลายหมื่นต้นที่เป็นทางเดินทอดยาวไปทั่วทั้งภูเขาอินาริ นับจากตีนเขาไปถึงยอดเขาสูงถึง 233 เมตร

ภูเขาอินารินั่นผู้คนเชื่อกันว่าเป็นภูเขาศักดิ์สิทธ์ โดยมีเทพอินาริสถิตย์อยู่ ซึ่งเทพองค์นี้ก็เป็นตัวแทนของความอุดมสมบูรณ์ การเก็บเกี่ยวข้าวและพืชผลไร้นาต่างๆ เทพอินารินั้นมีจิ้งจอกเป็นสัตว์คู่กาย บางตำนานก็ว่าร่างแปลงของท่านก็คือจิ้งจอก เพราะฉะนั้นเราจะพบเห็นรูปปั้นจิ้งจอกมากมายที่ศาลเจ้าแห่งนี้ด้วยเช่นกัน

ศาลเจ้าเทพอินารินั่นเก่าแก่กว่าเมืองเกียวโตเสียอีก สันนิษฐานว่าสร้างในช่วงปี ค.ศ. 794

ตำนานประตูเสาแดง

ช่วงต้นสมัยเฮอัน เมื่อปี ค.ศ. 965 จักรพรรดิ์มุราคามิ มีบัญชาให้คนนำสารนำข้อความเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆ ไปให้กับเทพเจ้าของญี่ปุ่นตามศาลเจ้าต่างๆ 16 แห่ง รวมถึงศาลเจ้าเทพอินาริด้วย สัญลักษณ์ของผู้นำศาลที่อินาริก็คือสุนัขจิ้งจอก ซึ่งมาจากเทพเจ้าแห่งธัญพืช ในศาสนาชินโต

ประตูโทริอิเริ่มปรากฏที่ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1589 โตโยมิ ฮิเดโยชิ (Toyomi Hideyoshi) ได้บริจาคประตูโทริอิขนาดใหญ่วางไว้ที่ด้านหน้าทางเข้าศาลเจ้าแห่งนี้ และบริษัทต่างๆ ของญี่ปุ่นก็เริ่มนิยมบริจาคประตูโทริอิเพื่อนความเป็นสิริมงคลกันเรื่อยมา ทำให้มีประตูโทริอิเรียงรายมากมายไปถึงยอดเขา

ช่วงปี ค.ศ. 1871 – 1946 ศาลเจ้าฟูจิมิอินาริ ได้ถูกกำหนดให้เป็นศาลเจ้าสำคัญลำดับขั้นที่ 1 ในศาสนาชินโต และเป็นศาลเจ้าที่ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลอย่างเป็ฯทางการ

การเดินไปกลับลอดอุโมงค์ประตูโทริอิไปถึงจุดชมวิวยทสุซึจิ (Yotsutsuji) จะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เป็นระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตรขึ้นเขา และลงอีก 1 กิโลเมตร ระหว่างทางเราจะพบศาลเจ้าเล็กๆ เสาโทริอิแบบเล็กๆ และจิ้งจอกตัวเล็กๆ ตลอดทาง เราสามารถซื้อหาเสาหรือจิ้งจอกตัวเล็กๆ มาบริจาคได้เช่นกัน แต่หากใครมีเวลาอยากจะเดินทั้งเขาก็ได้ โดยจะใช้เวลาทั้งหมดร่วม 2-3 ชั่วโมง เป็นระยะทางรวม 5 กิโลเมตร แต่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะขึ้นมาถึงแค่จุดชมวิวเท่านั้น

IMG_6748 IMG_6751 IMG_6765 IMG_6769 IMG_6773 IMG_6777 IMG_6780 IMG_6786 IMG_6793 IMG_6805 IMG_6806 IMG_6810 IMG_6813 IMG_6823 IMG_6824 IMG_6832 IMG_6846 IMG_6853 IMG_6858 IMG_6871 IMG_6894 IMG_6897 IMG_6898 IMG_6899

shinsekai-osaka

ชินเซไค แปลว่า “โลกใหม่” เป็นย่านที่ถูกพัฒนาตั้งแต่ปี 1903เพื่อให้กลายมาเป็นโลกใหม่ในของโอซาก้า โดยมีจุดศูนย์กลางเป็นหอคอยซึเทนคาคุที่นับว่าเป็นสัญลักษณ์ของย่าน

เลย์เอาท์ของย่านนี้ ทางตอนเหนือได้แรงบันดาลใจมาจากเมืองปารีส และทางตอนใต้ได้ลอกเลียนแบบมาจาก Coney Island ในเมืองนิวยอร์ค หอคอยซึเทนคาคุสร้างขึ้นในปี 1912 หลังจากหอไอเฟลที่ปารีสถูกสร้างขึ้นมา แต่น่าเสียดายที่หอคอยนี้ถูกทำลายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ก็ได้ถูกสร้างกลับคืนมาอีกครั้ง หอคอยซึเทนคาคุมีความสูง 103 เมตร มีจุดชมวิวอยู่ที่ความสูง 91 เมตร และมีระเบียงชมวิว (Open-air deck) ที่เพิ่งสร้างใหม่ด้วย

หอคอยซึเทนคาคุ (Tsutenkaku Tower)

เวลาเปิดปิดบริการ: ทุกวัน 9:00 – 21:00น. (รอบสุดท้ายคือ 20:30)

Open-air deck เปิดตั้งแต่ 10:00 – 18:00น. (รอบสุดท้ายคือ 17:30น.)

ค่าเข้าชม: 700 เยน (จ่ายเพิ่ม 500 เยน สำหรับ Open-air deck)

วิธีเดินทาง: เดินแค่ 5 นาทีจาก…

  •  Shin-Imamiya Station (JR Loop Line)
  • Dobutsuen-mae Station (Midosuji and Tanimachi Subway Lines)
  • Ebisucho Station (Tanimachi Subway Line)

IMG_6295

 

IMG_6296

 

IMG_6311

 

IMG_6318

 

IMG_6321

 

IMG_6324

 

IMG_6326

 

 

IMG_6261

 

IMG_6263

ฟหกดฟหกด

IMG_6273

 

ย่านนี้มีทั้งสวนสนุก โรงละคร โรงแข่งหมากรุก และโรงอาบน้ำ ที่โด่งดังคือ Spa World ที่เป็นทั้งสปา บ่อน้ำร้อน และเซาวน่าที่ใหญ่มากๆ มีหลายบ่อจำลองหลากหลายสไตล์ มีโซนยุโรปและโซนเอเชีย ให้เลือก เป็นออนเซนที่แยกชายหญิง

 ของกินขึ้นชื่อของย่านนี้ที่ต้องลองคือ  Kushikatsu เป็นพวกของทอดกรอบเสียบไม้ ทั้งคาวและหวาน

IMG_6284

ย่านชินไซไคจะคึกคักมากโดยเฉพาะย่ามค่ำคืน สัญลักษณ์ของย่านที่คนจดจำนอกจากหอคอยซึเทนคาคุคือ ลูกโป่งปลาปักเป้ายักษ์และรูปปั้นบิลลิเคน (Billikan) หรือเทพแห่งโชคลาภ

IMG_6277

 

ใครก็ไม่รู้ น่าจะเป็นคนดัง

 

IMG_6282

 

เวลาประมาณ 1 ทุ่ม

IMG_6327

 

IMG_6330