Ad
Ad
Ad
Author

admin

Browsing

พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์โอซาก้า (Osaka Museum of History) อยู่ในตึกสูงที่อยู่ถัดจากตึก NHK Osaka เดินข้ามถนนมาจากปราสาทโอซาก้าแป็บเดียวก็ถึงแล้ว

IMG_6568

ที่ตั้ง : 1-32 Otemae 4-Chome, Chuo-ku, Osaka City, Osaka

เปิด-ปิด : วันพุธ – วันจันทร์ 09.30-17.00 น., เฉพาะวันศุกร์ 09.30-20.00 น. (หยุดทุกวันอังคาร)

ค่าบริการ : ผู้ใหญ่ 600 เยน / นักเรียนมัธยมปลาย-นักศึกษา 400 เยน / เด็ก-นักเรียนมัธยมต้น ฟรี

ติดต่อ :

วิธีเดินทาง : รถไฟใต้ดิน Tanimachi Subway Line ลงที่สถานี Tanimachi 4-chome Station ทางออก 2 และ ทางออก 9

ด้านล่างของตึกเป็นเคาว์เตอร์ขายตั๋วสามารถซื้อตั๋วเข้าชมหรือใช้ Osaka Amazingn Pass แลกตั๋วเข้าชมฟรีได้เลย

IMG_6573 IMG_6572

 

อารยะธรรมในยุคโบราณของประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นสมัยใหม่นั่นว่ากันว่าเริ่มที่แถบคันไซนี่เอง และพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์โอซาก้าจะนำเสนอประวัติศาสตร์ของโอซาก้าจากอดีตครั้งเป็นเมืองหลวงแห่งแรกของญี่ปุ่นจนถึงปัจจุบันผ่านนิทรรศการหลายยุคทั้งยุคเก่าที่จัดแสดงโมเดลขนาดเท่าของจริง ดูขลังมาก และในชั้นยุดกลาง จนถึงยุดใหม่จะมีแบบจำของโมเดลของเมืองอย่างละเอียด งานดีมากๆ ค่ะ

IMG_6599 IMG_6600 IMG_6601

แม้ตัวพิพิธภัณฑ์จะสร้างขึ้นในต้นศตวรรษที่ 20 และเปิดให้เข้าชมอย่างเป็นทางการมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 แต่ตัวอาคารสูงแห่งนี้ก็สร้างขึ้นบนพื้นที่เดิมของพระราชวังนานิวะ นาการะ โทโยซากิ (Naniwa Palace) ในสมัยนาระเมื่อราว 1,300 กว่าปีก่อน ซึ่งรากฐานของพระราชวังเดิมยังคงได้รับการอนุรักษ์ไว้ให้เห็นรวมถึงหลักฐานต่างๆ มากมายที่ทรงคุณค่าในอดีตตั้งแต่ครั้งโอซาก้าเป็นเมืองหลวงแห่งแรกก็ได้รับการอนุรักษ์ไว้ให้ชม

 IMG_6602  IMG_6607

การเดินชมพิพิธภัณฑ์นั่นเริ่มที่ชั้น 10 ก่อนจะเดินเวียนลงมาชมเรื่องราวในอดีตยังชั้นล่างๆ ต่อมา โดยเริ่มจากภาพจำลองบรรยากาศของพระราชวังเดิมผ่านหุ่นจำลองขนาดเท่าจริงสวมเครื่องแต่งกายย้อนยุค อลังการมาก ก่อนจะพาเราเข้าไปสู่โซนอื่นๆ อีก 4 สมัยใหญ่ๆ ด้วยกัน โดยเนื้อหาจะเล่าถึงพัฒนาการของเมืองโอซาก้าในยุคต่างๆ จนถึงปัจจุบัน

IMG_6608

IMG_6605

 ที่สำคัญตรงทางเดินบันไดขึ้นชั้นต่างๆสามารถมองออกไปเห็นวิวของปราสาทโอซาก้าอันสวยงาม เป็นจุดนึงที่น่ามาถ่ายรูปมุมสูงของตัวปราสาท

IMG_6598 IMG_6597 IMG_6592 IMG_6595

หาตั๋วเครื่องบินราคาถูกคลิกที่นี่

ชอบกด Like ใช่กด Share ^-^

มาโอซาก้าแล้วไม่ได้มาถ่ายรูปกับพี่กูลิโกะถือว่ามาไม่ถึงโอซาก้าทีเดียว เจ้าป้ายไฟกูลิโกะขนาดยักษ์กลายเป็นสัญลักษณ์คู่เมืองโอซาก้าที่โด่งดังไปทั่วโลก เจ้าป้ายนี้อยู่ที่ย่านโดทงโบรินี่แหละค่ะ

การเดินทาง: สถานีรถไฟนัมบะ (Namba Station)

IMG_6376

ที่เคยคิดว่าญี่ปุ่นนั่นช่างเรียบง่าย อะไรๆ ก็ดูมินิมอลลิสต์ เราจะลืมมันสิ้นเมื่อมาที่ย่านโดทงโบริ เพราะที่นี่เป็นย่านที่รวบรวมความ “เยอะ” ของญี่ปุ่นไว้ทั้งหมด ความวุ่นวาย แสงสีและเสียงตะโกนโหวกเหวกขายของรวมอยู่ในย่านบันเทิงแห่งนี้ที่เดียว นี่แหละเสน่ห์ของเมืองโอซาก้าที่ไม่เหมือนใคร

IMG_6343

ประวัติของย่านโดทงโบรินั้นเริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ. 1612 เมื่อพ่อค้านามว่า ยุซุอิ โดทง ได้ขุดขยายแม่น้ำเพื่อเพิ่มรายได้จากการค้า ต่อมาพ่อค้าท่านนี้ได้เสียชีวิตลงกลางศึกที่ข้าศึกล้อมเมืองโอซาก้าไว้ หลานชายของเขาได้สานต่อภารกิจขยายคลองและมีการขนานนามชื่อคลองและถนนเลียบคลองตามชื่อของปู่ของเขาที่เป็นคนริเริ่ม จึงกลายมาเป็นชื่อ โดทงโบริ ที่เราใช้เรียกกันในปัจจุบัน แต่เดิมย่านนี้เป็นแหล่งบันเทิงเต็มรูปแบบมีทั้งโรงละครคาบูกิ โรงละครบุนระกะ แต่โรงละครเหล่านี้ถูกทำลายลงจนหมดสิ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

ปัจจุบันนี้ย่านโดทงโบริขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งร้านค้า ร้านอาหารและมีร้าปาจิงโกะร้านเกมส์เพื่อความบันเทิงอย่างครบครัน

IMG_6367

สัญลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร นอกจากป้ายไฟกูลิโกะแล้ว ยังเป็นป้ายร้านอาหารแต่ละร้านที่ขยันทำให้ใหญ่โตมโหฬารไม่เหมือนใคร เช่นร้าน ร้านปูยักษ์ Kani Doraku ที่มีชื่อเสียงของย่านโดทงโบริ เดินเข้าไปจะเห็นเด่นมาแต่ไกล ร้านเกี๊ยวซ่าพร้อมป้ายรูปเกี๊ยวซ่าเซ็ตขนาดใหญ่ ร้านทาโกยากิไส้ปลาหมึกไซส์ใหญ่การันตีได้จากเจ้าปลาหมึกยักษ์สีแดงบนป้ายหน้าร้าน หรือร้าน Zubora ที่มีปลาปักเป้ายักษ์ตัวกลมๆ แขวนลอยเด่นอยู่หน้าร้าน

 CrabOsaka18

ที่นี่ยังมีศูนย์รวมร้านอาหารและการแสดงต่างๆ รวมไปถึงกิจกรรมล่องเรือท่องแม่นำ้ทงโบริด้วย

IMG_7294

IMG_6400

 

ชิงช้าสวรรค์ยักษ์ HEP Five (HEP FIVE Ferris Wheel)

อีกหนึ่งไฮไลท์ของโอซาก้าก็อยู่ที่เจ้า “ชิงช้าสวรรค์ยักษ์ HEP Five (HEP FIVE Ferris Wheel) บนดาดฟ้าชั้น 7 ของศูนย์การค้าชื่อเดียวกันใจกลางย่าน Umeda นี่แหละ ด้วยความที่มันตั้งอยู่บนตึกแถมยังมีสีแดงสดทำให้เตะตาและมองเห็นได้แต่ไกล เป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของโอซาก้าไปแล้วโดยปริยาย

page

ตัวชิงช้าสวรรค์ยักษ์นี้มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 75 เมตร จุดที่ชิงช้าขึ้นไปสูงสุดจะอยู่ที่ 106 เมตร (รวมความสูงของตึกแล้ว) จะทำให้มองเห็นทัศนียภาพรอบเมืองโอซาก้าได้จากใจกลางเมือง แถมยังสามารถชื่นชมวิวเมืองจากทุกระดับความสูงอีกด้วย วันไหนอากาศดี อาจจะมองไปได้ไกลถึงสะพานแขวน Akashi Kaikyo ด้วยซ้ำ

ตัวกระเช้าชิงช้ามีทั้งหมด 52 กระเช้า แบ่งนั่งได้กระเช้าละ 4 คน ภายในมีดนตรี แอร์และฮีตเตอร์พร้อมสำหรับทุกสภาพอากาศไม่ว่าร้อนหรือหนาว โดยหนึ่งรอบจะใช้เวลาทั้งหมด 15 นาที ตัวกระจกในตู้ชิงช้าจะมีภาพและตัวหนังสือกำกับเพื่อบอกว่าตึกต่างๆ ที่เราเห็นนั้นคืออะไร ทั้งตึกและภูเขาในระยะใกล้ไกล

เวลาเปิด-ปิดบริการ: 11:00 – 22:45 น. ทุกวัน (เวลาขึ้นชิงช้ารอบสุดท้าย)

ค่าบริการ: 500 เยน

การเดินทาง: JR Osaka Station  หรือ Subway ลงที่ Umeda Station

ข้อมูลเพิ่มเติม: Tel: 06-6366-3634
Website: http://www.hepfive.jp/

ทางเข้าห้าง

IMG_6705

IMG_6651

IMG_6653

IMG_6657 IMG_6671 IMG_6676 IMG_6682 IMG_6681 IMG_6677

ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle)

ปราสาทโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น

เป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมืองโอซาก้าและเป็นที่เที่ยวยอดฮิตอันดับต้นๆ ที่นักท่องเที่ยวที่เดินทางไปโอซาก้าต้องไม่พลาด ซึ่งการมาเที่ยวโอซาก้าในช่วงเดือน มิถุนายน – สิงหาคม จะเป็นช่วงฤดูร้อน ซึ่งอากาศค่อนข้างร้อน ใกล้เคียงกับบ้านเราเลยทีเดียว เดินกันทีนี่อาจจะเหงื่อท่วมได้ แต่ข้อดีก็คือ ราคาตั่วเครื่องบินช่วงนี้ราคาจะถูก และ เนื่องจากเป็นเหมือนช่วง low season ที่ญี่ปุ่นจึงจะมีการจัดช่วงลดราคาสินค้าทั้งประเทศไว้ในช่วงเดือน กรกฎาคม เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้

เวลาทำการ: 9.00 – 17.00น.  (เปิดให้เข้าชมได้ถึง 16.30น. ในบางฤดูกาลจะเปิดให้เข้าชมนานกว่าปกติ)

ค่าเข้าชม: 600 เยน หรือ ฟรี ถ้ามีบัตร Osaka Amazing Pass

วันปิดทำการ: 28 ธันวาคม – 1 มกราคม

วิธีเดินทาง: สถานีที่ใกล้ตัวปราสาทที่สุดคือสถานีรถไฟใต้ดินและ JR Station Morinomiya

ปัจจุบันปราสาทโอซาก้าสูงถึง 55 เมตร มี 5 ส่วน 8 ชั้น เครื่องประดับหลังคาและภาพเสือบนกำแพงตัวปราสาทและหลายๆ ส่วนลงทองสีอร่าม สวยงามและได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกสำคัญของประเทศ

กาเดินทางโดยขึ้นรถไฟใต้ดินจากสถานี Namba Station ด้วยบัตร Osaka Amazing Pass สำหรับวิธีขึ้นรถก็ไม่ยาก คือใช้ Google maps ช่วย เมื่อลงรถใต้ดินแล้วให้เดินผ่านหลังตึกมาตามทางเล็กๆ

เมื่อเจอทางม้าลายแบบนี้ แปลว่ามาถูกทางแล้ว เราจะสามารถเห็นปราสาทโอซาก้าจากจุดนี้ได้

IMG_6409

เดินข้ามถนนมาเราก็จะเห็นตัวปราสาท ในที่สุดก็เจอ Landmark สำคัญซะที ที่สำคัญวันนี้ฝนไม่ตก แต่แดดเปรี้ยงเลย

IMG_6410

เดินไปถ่ายรูปตัวปราสาทไปครับ เพลิดเพลิน เสียดายอากาศร้อนไปนิด ไว้มีโอกาสจะมาช่วงมีซากุระบ้าง

IMG_6423

เดินร่วมหนึ่งกิโลครับ ผ่านประตูใหญ่ๆเข้ามา

IMG_6441

ถ่ายไปเรื่อยครับ

IMG_6445

ถึงสะพานอันนี้แปลว่าเข้าใกล้ตัวปราสาทโอซาก้าแล้วครับ สะพานนี้คนถ่ายรูปกันรัวๆ ย้อนแสงพอสมควรถ้ามาช่วงบ่าย

IMG_6449

รูปข้างล่างนี้ถ่ายตอนเดินเข้ามาข้างๆตัวปราสาทแล้วครับ

IMG_6471

บริเวณรอบๆปราสาท มีร้านขายของมากมาย ไม่ต้องกลัวอดตายครับ ไอศครีมรสต่างๆ น้ำดื่ม อาหาร ของทานเล่นมีเพียบครับ แต่บางอย่างอาจจะราคาสูงหน่อย .. ผมซื้อน้ำอัดลมแก้วละ 500 เยน แอบแพง .. ถ้าใครพกน้ำหรือขนมมาเองก็ดีครับ

IMG_6474 IMG_6477   IMG_6484 IMG_6485

ก่อนเดินเข้าตัวปราสาทถ่ายภาพจากด้านหน้าทางเข้าอีกซักหน่อย

IMG_6498

ตัดภาพเข้ามาด้านในของปราสาทโอซาก้าเลยนะครับ มีทั้งลิฟท์ และบันได .. แต่ใครจะขึ้นลิฟท์ก็ต้องรอหน่อย ไม่นานครับ ส่วนผมขอใช้บริการลิฟท์ขึ้นไปชั้นบนสุดก่อนแล้วชั้นอื่นๆเดินลงมาเรื่อยๆดีกว่า

บนหอคอยชั้น 8 ของยอดปราสาทเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองทิวทัศน์โดยรวมของเมืองโอซาก้าได้อย่างชัดเจน

 IMG_6510 IMG_6511  IMG_6521 IMG_6522 IMG_6524 IMG_6525 IMG_6529

 ค่อยๆเดินลงมาแต่ละชั้นจะจัดแสดงเรื่องราวของปราสาทเอาไว้ครับ … ไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ครับ เดินชมอย่างเดียว T-T

IMG_6505 IMG_6506 IMG_6546 IMG_6540 IMG_6544

เดินชมจนพอใจ ตอนเดินออกจากปราสาทมา จะมีศาลเจ้าโฮโกกุ Hokoku-Jinja Shrine อยู่ใกล้ๆ และเดินถัดไม่ไกลนัก (1.1 กิโล)ไปก็มี Osaka Museum of History ซึ่งรวบรวมประวัติต่างๆของเมืองโอซาก้าให้เราศึกษา และเราสามารถจะมองเห็นปราสาทโอซาก้าได้จากชั้นบนของพิพิธภัณฑ์นี้

IMG_6598

กำแพงตรงทางออกจากปราสาทโอซาก้าครับ

IMG_6567

แม้วัดชิเท็นโนจิ (四天王寺 / Shitennoji Temple) จะดูเหมือนใหม่ แต่วันชื่อดังของเมืองโอซาก้าแห่งนี้มีอายุกว่า 1,400 ปี และเป็นอารามพุทธแห่งแรกของประเทศญี่ปุ่นที่ได้มีการบันทึกไว้ และถือเป็นหนึ่งในวัดที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศญี่ปุ่น ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 593 โดยเจ้าชายโชโตคุ (Prince Shotoku) ในสมัยจักรพรรดินีซูอิโกะ (Empress Suiko)

IMG_6198

ที่ตั้ง : 1-11-18 Shitennoji, Tennoji-ku, Osaka City, Osaka

เวลาให้บริการ :

  • เม.ย.-ก.ย. 08.30-16.30 น.
  • ต.ค.-มี.ค. 08.30-16.00 น. (เฉพาะส่วนพิพิธภัณฑ์ Hobutsu-kan ปิดวันจันทร์)

ติดต่อ : 06-6771-0066

เว็บไซต์ : www.shitennoji.or.jp (ภาษาญี่ปุ่น)

ค่าผ่านประตู :

รอบวัดภายนอกไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ

  • โซนมหาวิหาร (中心伽藍/Chushingaran) ผู้ใหญ่ ¥300 / นักเรียน-นักศึกษา ¥200 / เด็ก-นักเรียนมัธยมต้น ฟรี
  • โซนพิพิธภัณฑ์โบราณวัตถุ (宝物館/Takaramonokan) ผู้ใหญ่ ¥500 / นักเรียน-นักศึกษา ¥300 / เด็ก-นักเรียนมัธยมต้น ฟรี
  • โซนสวนญี่ปุ่น (庭園/Teien) ผู้ใหญ่ ¥300 / นักเรียน-นักศึกษา ¥200 / เด็ก-นักเรียนมัธยมต้น ¥200

วิธีเดินทาง :

  • JR West : นั่งรถไฟสาย JR Osaka Loop Line ลงสถานี Tennoji
  • Osaka Subway : นั่งรถไฟใต้ดินสาย T–Tanimachi Line (สีม่วง) ลงสถานี T26–Shitennoji-mae Yuhigaoka
  • Osaka Subway : นั่งรถไฟใต้ดินสาย M-Midosuji Line (สีแดง) หรือ T–Tanimachi Line (สีม่วง) ลงสถานี M23,T27–Tennoji

 

แรกเริ่มนั้นเจ้าชายโชโตคุต้องการสร้างวัดเพื่อประดิษฐานพระโพธิสัตว์ 4 องค์ (四天王-Shitenno แปลว่า 4 กษัตริย์แห่งสวรรค์) เพราะพระองค์ได้ขอพรให้ชนะสงครามเพื่อจะได้นำพระพุทธศาสนาเข้ามาเผยแพร่ในประเทศญี่ปุ่น

เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาแด่พระโพธิสัตว์ทั้ง 4 เจ้าชายโชโตคุทรงสร้างสถาบันขึ้นมา 4 สถาบัน (四箇院/Shika-in) เพื่อใช้เป็นระบบสวัสดิการสาธารณะเพื่อสังคมให้แก่ประชาชน ให้เกิดขึ้นพร้อมกันในยุคนั้นด้วย และเป็นพื้นฐานระบบสวัสดิการสาธารณะมาจนถึงทุกวันนี้ สถาบันทั้ง 4 ได้แก่

  1. สถาบันทางศาสนาและการศึกษา
  2. สถาบันสวัสดิการสังคม
  3. โรงพยาบาล
  4. เภสัชสถาน

ภายในอาณาเขตมหาวิหารชั้นในของวัดนั้นประกอบไปด้วย

  • เจดีย์ห้าชั้นแบบญี่ปุ่น (五重塔- Gojunoto)
  • วิหารทองคำ (金堂-Kondo) ที่ประดิษฐานรูปเคารพของพระโพธิสัตว์เนียวไร (Nyorai Kannon)
  • หอธรรม (Kodo)

โดยทั้งหมดเรียงตัวเป็นเส้นตรงจากทิศเหนือสู่ทิศใต้และโอบล้อมด้วยกำแพงระเบียงทางเดินสามด้านที่มีประตูแต่ละทิศ 3 ประตู คือ ประตูเทพ (ทิศใต้), ประตูทิศตะวันตก, ประตูทิศตะวันออก

การสร้างวัดแบบนี้ได้รับอิทธิพลมาจากประเทศจีน และวัดแห่งนี้ถือว่าเป็นต้นแบบสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่แห่งหนึ่งของญี่ปุ่นเลยทีเดียว

ในเรื่องการก่อสร้างนั้นกระทำโดยกลุ่มวิศวกรที่เจ้าชายโชโตคุได้ซื้อตัวมาจากอาณาจักรแพ็กเจ (Baekje) ของเกาหลีเพื่อมาสร้างวัดพุทธแห่งนี้ขึ้น หลังจากนั้นพุทธศาสนาก็เริ่มเจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆในญี่ปุ่น รวมถึงเป็นจุดเริ่มแรกที่วัฒนธรรมจีนเข้ามามีอิทธิพลต่อศิลปวัฒนธรรมรวมถึงวิถีชีวิตของชาวญี่ปุ่นและขยายตัวขึ้นเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้

สำหรับตัววัดในปัจจุบันนั้นไม่ใช่อาคารเก่าแก่ดั้งเดิม เพราะมันถูกทำลายจากสงครามจนไม่เหลือซากไปหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งวัดในปัจจุบันนั้นได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ตามโครงสร้างและสถาปัตยกรรมดั้งเดิมทุกประการ โดยการบูรณะครั้งล่าสุดสร้างแล้วเสร็จเมื่อปี ค.ศ.1963 นี้เอง

ทุกวันที่ 22 เมษายน ของทุกปี จะมีการจัดเทศกาล Shoryo-e Bugaku Daihoyo อันเป็นเทศกาลประจำปีของวัดชิเท็นโนจิ (Shitennoji) ซึ่งวันนี้เป็นวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ของเจ้าชายโชโตคุ (Prince Shotoku) โดยเทศกาลในวันนั้นจะมีการทำพิธีสงฆ์พร้อมกับการร่ายรำกากะคุ (雅楽/Gagaku) ซึ่งถือเป็นการร่ายรำโบราณอันเป็นการแสดงชั้นสูงในราชสำนัก ซึ่งการร่ายรำนี้ยังถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่นอีกด้วย

 IMG_6183 IMG_6187 IMG_6188 IMG_6189 IMG_6193 IMG_6195 IMG_6196 IMG_6211 IMG_6216 IMG_6218 IMG_6219 IMG_6237 IMG_6238 IMG_6240 IMG_6242 IMG_6247

Umeda Sky Building เป็น อาคารสูงสัญญลักษณ์ของย่าน Shin Umeda City สร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ.1993 เป็นอาคารแฝดคู่ 40 ชั้น โดยมีทางเชื่อมกันได้ที่ชั้น 39 ที่ดัดแปลงเป็นร้านอาหารกลางอากาศ

umeda-mix

ที่อยู่: 〒531-0076 1-1-88 Oyodo-naka,Kita-ku,OsakaCity

TEL : 06-6440-3899 FAX : 06-6440-3876

Website: http://www.kuchu-teien.com/global/

เวลาเปิดปิดให้บริการ:  ตั้งแต่ 10.00-22.30 น. (เข้าได้ช้าสุดไม่เกิน 22.00 น.)

การเดินทาง:

จากสถานี JR Osaka (ทางออก Central North) และ Hankyu Umeda (ทางออก Chayamachi) เดินทางใต้ดินตามป้ายไปที่ Shin Umeda City อาคาร Umeda Sky Buiding จะตั้งอยู่ในบริเวณนี้ ใช้เวลาเดินประมาณ 9 นาที

ค่าผ่านประตู: ผู้ใหญ่ 1000 เยน / เด็กมัธยมต้นและปลาย 700 เยน / เด็กประถม 500 เยน / ผู้สูงอายุ 800 เยน , Free สำหรับผู้ถือบัตร Osaka Amazing Pass

สำหรับใครที่ถือบัตร Osaka Amazing Pass สามารถเข้าได้ฟรี บัตรนี้คุ้มจริงๆ

IMG_6094

จุดที่น่าสนใจของตึกนี้อีกจุดก็คือ ทางขึ้นไปที่ชั้น 39 เป็นบันไดเลื่อนหน้าตาเก๋ๆ เหมือนอุโมงค์ ซึ่งใครเข้าไปก็จะต้องไม่พลาดหยิบกล้องออกมาถ่ายรูปกันรัวๆ

IMG_6088

อันนี้อุโมงค์ตอนลงครับ

IMG_6093

ชั้น 39 มีที่นั่งชิล ให้ชมวิวหลายจุดอีกทั้งยังมีร้านกาแฟ และร้านอาหารให้แวะพักอีกด้วย ถ้าท่านมาตอนกลางวันก็จะสามารถมองเห็นวิวรอบๆตึก Umeda Sky Building ได้โดยรอบ

IMG_6102 IMG_6105 IMG_6110

แวะหาอะไรดื่มซักนิดก่อนไปต่อ ราคาไม่แพงเท่าไหร่ครับ (เท่าๆ starbuck บ้านเรา)

IMG_6118 IMG_6115

วิวดีจริงๆ นั่งชิลวางแผนเตรียมไปเที่ยวต่อตรงนี้ก็ดีไปอีกแบบ

IMG_6116 IMG_6101 IMG_6111

จิบกาแฟเก๋ๆ ชิลๆ ก่อนไปชมวิวต่อที่ชั้น 40

IMG_6120 IMG_6125

ชั้น 40 มีแกลเลอรี่ และที่ดาดฟ้ามีสวนลอยฟ้า (Floating Garden) สูงจากพื้นดิน 173 เมตร ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นเมืองโอซาก้าโดยรอบได้ บรรยากาศสวยงามโรมแมนติกมากโดยเฉพาะยามค่ำคืน

IMG_6133

มีมุมสำหรับถ่ายรูปสำหรับถ่ายรูปคู่ด้วย

IMG_6137

IMG_6141

มองชมวิวสุดลูกหูลูกตา ถ้ามากลางคืนก็จะได้เห็นแสงไฟของตึกต่างๆ โรแมนติคไปอีกแบบ
ตอนขึ้นไปถ่ายนี่ฝนตกแหมะๆครับ ฟ้าหมองๆ เลนส์กล้องเปียกนิดนึงIMG_6131

IMG_6133

IMG_6136

ที่ใต้ดินชั้นหนึ่งยังมี Food Theme Park “Takimikoji” ซึ่งถูกออกแบบให้เป็นบรรยากาศสมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง โดยมีร้านอาหารหลากหลายประเภทคอยให้บริการ

IMG_6148
มีร้านอาหารอยู่มากมายให้เลือก แต่บรรยากาศออกจะเหงาๆหน่อย

จบแล้วครับสำหรับตึก อูเมดะ สกายบิวดิ้ง (Umeda Sky Building) ใครที่มาเที่ยวโอซาก้าไม่ควรพลาดมาเยี่ยมชมตึกนี้นะครับ


ไปทานปูที่ร้าน Kani Doraku ร้านดังของย่านโดทงโบริที่โอซาก้ามา เลยเก็บรูปมาฝากให้หิวกันค่ะ ไม่อารัมภบทยาวนะคะ เอาเป็นว่าเราเข้าร้านแล้วไปโซ้ยปูกันเลยดีกว่า ฮ่ะๆๆ

ไปถึงร้านก็ค่ำแล้ว เพราะตั้งใจไปดินเนอร์กันให้พุงกางทีเดียว

CrabOsaka18

เพราะจองไว้ก่อน ทุกอย่างเลยเตรียมพร้อมต้อนรับเรา ขนาดที่วางตะเกียบยังเป็นปูเลยคิดดูเถอะ ที่ชอบคือไม้แงะปูที่วางข้างกัน ของใครของมัน สะดวกมาก
CrabOsaka1

ออเดิร์ฟเย็น มาทั้งก้าม

CrabOsaka2

 

 

มาเป็นเซ็ด สวยงาม น่าเสียดายที่เดี๋ยวจะเละเพราะฝีมือเราCrabOsaka4

ไข่ตุ๋นปูCrabOsaka3

 

อันนี้อีกเซ็ตหนึ่ง อะไรๆ ก็ปูCrabOsaka5

อาหารมาเต็มโต๊ะแล้ว แชะรูปหมู่เสียหน่อยCrabOsaka6

ซาชิมิไหมคะ ให้มะนาวมาด้วย ขอน้ำจิ้มซีฟู้ดด้วยสิคะ

CrabOsaka7

ชุดนี้เป็นสุกี้ญี่ปุ่นปูค่ะ

CrabOsaka8

หม้อน่ารักมาก กินกันคนละคำก็หมดละ

CrabOsaka9

อันนี้ปูย่างในไข่ปู นึกถึงความหอมมันของไข่ปูนะคะ

CrabOsaka10

อันนี้ตอนมันร้อนแล้วก็คลุกเคล้าให้เข้ากัน

CrabOsaka10B

อันนี้น่าจะปูชุมแป้งทอด

CrabOsaka11

อันนี้ก็เทมปุระปู

CrabOsaka12

 

อันนี้อะไรหว่าCrabOsaka13อันนี้ซุปปูใสๆ

CrabOsaka15

อันนี้ซูชิ แน่นอนว่าต้องซูชิปู ถ่ายใกล้ไปหน่อย ชุดนี้วางตรงหน้าพอดี

CrabOsaka16

อันนี้ก็ไอศกรีมปู จะบร้าเหรอ ไม่ใช่สินะ 5555 ไอศกรีมราดชาเขียว

CrabOsaka17

ขอภาพหมู่ทิ้งท้ายหน่อย ละลานตาสิ้นดี รีวิวจบแล้วอิ่มแล้วด้วยค่ะ ^ ^

CrabOsaka19