Ad
Ad
Ad
Tag

เที่ยวญี่ปุ่น

Browsing

เรื่องและภาพ โดย สวาเก้น

Tokyo_13 Tokyo Tower 02

ถึงแม้ว่าปัจจุบันหอคอยน้องใหม่อย่างโตเกียวสกายทรี (Tokyo Skytree) จะมารับหน้าที่แทนหอคอยโตเกียวในหลายๆ บทบาทไปจนถึงการเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตแห่งใหม่ที่ใครๆ ก็อยากมาเยือน แถมชิงตำแหน่งหอคอยที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นไปครองแทน แต่หอคอยโตเกียวนั้นก็ไม่จางหายไปจากใจคนญี่ปุ่น ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตเช่นเคย แล้วก็ยังคงเป็นสัญลักษณ์อมตะแห่งการสร้างชาติให้รุ่งเรืองที่ยังอยู่ในความทรงจำไม่รู้ลืม

Tokyo_13 Tokyo Tower 03

หอคอยโตเกียวนั้นสร้างเสร็จเมื่อราวปี ค.ศ.1958 เป็นหอคอยเหล็กกล้าที่มีความสูงกว่า 333 เมตร ซึ่งนั่นเป็นความตั้งใจที่จะสร้างหอคอยให้สูงและยิ่งใหญ่กว่าหอไอเฟลที่เป็นแรงบันดาลใจและต้นแบบของการสร้างหอคอยแห่งนี้ นั่นยังไม่รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีในการก่อสร้างด้านต่างๆ รวมไปถึงวัสดุคุณภาพเยี่ยมที่คิดค้นขึ้นเป็นพิเศษ ที่นอกจากจะทำให้สร้างหอคอยได้อย่างรวดเร็วกว่าหอไอเฟลแล้ว น้ำหนักโดยรวมของโครงเหล็กมหึมานี้ยังเบากว่าหอไอเฟลอีกด้วย เหตุผลทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็เพื่อการต้องการประกาศศักยภาพของประเทศญี่ปุ่นบนเวทีโลกให้โลกได้รับรู้ว่าญี่ปุ่นก็ไม่เป็นรองชาติตะวันตกใดๆ เช่นกัน และอีกนัยหนึ่งก็เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งศูนย์รวมจิตใจของการสร้างชาติ ฟื้นฟูพัฒนาประเทศครั้งสำคัญภายหลังจากที่ญี่ปุ่นถูกทำลายจากสงครามโลกครั้งที่สองจนย่อยยับนั่นเอง

Tokyo_13 Tokyo Tower 01

ภายหลังจากที่หอคอยโตเกียวสร้างเสร็จ มันกลายเป็นโครงสร้างที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นและในเอเชียในขณะนั้นเลยทีเดียว หน้าที่หลักของหอคอยแห่งนี้ก็คือการเป็นหอคอยสื่อสารที่ใช้ส่งสัญญาณคลื่นวิทยุและโทรทัศน์ต่างๆ มากมาย อาทิ NHK, FUJI TV, TBS เป็นต้น แล้วมันก็ยังทำหน้าที่ต้อนรับแขกด้วยการเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีผู้คนจากทั่วโลกแวะมาเยือนอย่างไม่ขาดสาย โดยด้านบนหอคอยนั้นเปิดให้เราขึ้นไปเยี่ยมชมได้ 2 ระดับ ระดับแรกคือชั้นชมวิวหลัก (Main Observatory) ที่ระดับความสูง 250 เมตร ชั้นนี้เราสามารถเดินชมวิวโตเกียวจากมุมสูงได้รอบหอคอยแบบ 360 องศา

Tokyo_13 Tokyo Tower 05

Tokyo_13 Tokyo Tower 06

นอกจากนั้นก็ยังมีคาเฟ่เล็กๆ สไตล์ฝรั่งเศสอย่าง Café la Tour และ Club 333 เวทีดนตรีชิลๆ ยามค่ำ ตลอดจนร้านขายของที่ระลึกให้เราช้อปของฝากจากโตเกียวติดไม้ติดมือกลับบ้านได้อีกด้วย แต่ถ้าใครอยากชมวิวในมุมที่สูงขึ้นไปอีกก็สามารถซื้อตั๋วขึ้นไปยังจุดชมวิวชั้นพิเศษ (Special Observatory) ที่ระดับ 250 เมตร ได้ซึ่งจุดชมวิวด้านบนนั้นสามารถเดินชมวิวเมืองในมุมสูงได้แบบ 360 องศาเช่นกัน และถูกยกย่องว่าเป็นจุดชมวิวเมืองโตเกียวที่สวยที่สุดอีกด้วย

Tokyo_13 Tokyo Tower 04

หอคอยโตเกียว (Tokyo Tower)

ที่ตั้ง : เขตมินาโต๊ะ, โตเกียว

เปิด-ปิด : ทุกวัน ชั้น Main Observatory (150 เมตร) 09.00-22.00 น. / ชั้น Special Observatory (250 เมตร) 09.00-21.30 น.

ค่าบริการ :

>ชั้น Main Observatory (150 เมตร) : ผู้ใหญ่ 820 เยน / เด็กประถม-มัธยมต้น 460 เยน / เด็กเล็ก (4 ขวบขึ้นไป) 310 เยน

>ชั้น Special Observatory (250 เมตร) : ผู้ใหญ่ 600 เยน / เด็กประถม-มัธยมต้น 400 เยน / เด็กเล็ก (4 ขวบขึ้นไป) 350 เยน

หมายเหตุ 1 : หากไม่ซื้อตั๋วรวมทั้งสองชั้นตั้งแต่ตอนแรก สามารถซื้อตั๋วเพื่อขึ้นไปยังชั้น Special Observatory ได้ที่ชั้น Main Observatory   

หาตั๋วเครื่องบินราคาถูกคลิกที่นี่

ชอบกด Like ใช่กด Share ^-^

เรื่องและภาพโดย สวาเก้น

อะกิฮาบาระ (Akihabara) หรือที่เรียกสั้นๆ ว่าอะกิบะ (Akiba) นั้น เป็นย่านที่เต็มไปด้วยร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าตลอดจนเทคโนโลยีอันทันสมัยมากมาย ปัจจุบันย่านนี้ขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว นอกจากเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แล้ว ที่นี่ยังเป็นแหล่งคอมพิวเตอร์, กล้องถ่ายรูป, เกมส์, อนิเมชั่น, ฟิกเกอร์ โมเดล (หุ่นประกอบ), การ์ตูน ตลอดจนเป็นสวรรค์ของเหล่าบรรดาโอตาคุทั้งหลายอีกด้วย

Tokyo_12 Akihabara 01

สำหรับห้างชื่อดังยอดนิยมที่สุดของย่านนี้เห็นจะเป็น Yodobashi (www.yodobashi-akiba.com) ที่มีสินค้าจำหน่ายครบภายในตึกเดียว ตั้งแต่เครื่องใช้ไฟฟ้าล้ำๆ, กล้อง, เครื่องเสียง, เกมส์, ของเล่น, โทรศัพท์มือถือ, คอมพิวเตอร์, อุปกรณ์เสริมต่างๆ, ไปจนถึงเครื่องสำอางสำหรับสาวๆ ซึ่ง Yodobashi ที่อะกิฮาบาระนี้มีถึง 8 ชั้น ให้ช้อปกันอย่างจุใจ และเป็นเสมือนแลนด์มาร์กของย่านไปในตัวด้วย ที่สำคัญหนึ่งในลูกค้าคนสำคัญของที่นี่ก็คือคนไทยนี่เองซึ่งเสียงประชาสัมพันธ์ภายในห้างนั้นยังมีเวอร์ชั่นภาษาไทยอีกด้วย

นอกจากนี้ยังมีร้านดังๆ มากมายซึ่งบางร้านยังขายสินค้าปลอดภาษีอีกด้วย ร้านดังในย่านนี้ก็ได้แก่ Laox (www.laox.co.jp), sofmap (www.sofmap.com), เป็นต้น แต่สำหรับเหล่าโอตาคุบรรดาร้านรวงที่เกียวกับอนิเมชั่นและการ์ตูนต่างๆ นั้นดูจะเป็นเหมือนแหล่งแฮงค์เอาท์ของพวกเขาเป็นอย่างดีทีเดียว อาทิ Radio Kaikan (www.radiokaikan.jp) ตึก 9 ชั้นที่เต็มไปด้วยฟิกเกอร์การ์ตูนมากมาย, Kotobukiya (main.kotobukiya.co.jp) ร้านจำหน่ายฟิกเกอร์และสารพัดข้าวของจากการ์ตูนชื่อดัง, Tokyo Anime Center (www.animecenter.jp) ศูนย์กลางของอนิเมะญี่ปุ่นที่มีเรื่องราวใหม่ๆ มา update เสมอๆ, animate (www.animate.co.jp) จำหน่ายทุกสิ่งทุกอย่างที่เกียวกับอนิเมะ เป็นต้น

สำหรับสาวกกันดั้มที่นี่ก็ยังมี Gundum Café (g-cafe.jp) คาเฟ่เก๋ๆ และกาแฟคุณภาพเยี่ยมที่แต่งหน้าฟองนมด้วยสัญลักษณ์กันดั้ม, อีกสาวกที่มีอะกิฮาบาระเป็นฐานทัพก็คือเหล่าแฟนคลับของ AKB48 ซึ่งที่นี่เป็นที่ตั้งของ AKB48 Café & Shop (akb48cafeshops.com/akihabara) ให้บรรดาแฟนคลับทั้งหลายได้แฮงค์เอาท์กันอีกด้วยGundam Cafe6

อะกิฮาบาระ (Akihabara)

ที่ตั้ง : ย่านอะกิฮาบาระ, เขตชิโยดะ, โตเกียว

เปิด-ปิด : ทุกวัน 10.00-22.00 น. (เวลาโดยเฉลี่ย / เวลาปิดเปิดที่แน่นอนขึ้นอยู่กับแต่ละร้านค้าอีกที)

วิธีเดินทาง :

>วิธีที่ 1 : นั่งรถไฟ JR Line สายวงกลม Yamanote Line (สีเขียว), สาย Keihin-Tohoku Line (สายสีฟ้า) ลงสถานี Akihabara

>วิธีที่ 2 : นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย H-Hibiya Line (สีเทา) ลงสถานี H15-Akihabara

 

 

เรื่องและภาพ โดย สวาเก้น

Tokyo_11 Sendagi 01

วันนี้จะมาแนะนำ แหล่งเดินเที่ยว ดูวิถีชีวิตชุมชนชาวญี่ปุ่น ช้อปปิ้งและถ่ายรูปเก๋ๆ อีกแห่งในโตเกียว นั่นคือ “ย่านเซ็นดากิ (Sendagi)” 

ย่านเซ็นดากิ ถือเป็นหนึ่งในย่านเมืองเก่าเมืองเก๋ที่เรียกกันเป็นชื่อเล่นๆ ว่า Yanasen ซึ่งเป็นชื่อรวมกันของ 3 ย่านดังที่อยู่ภายในบริเวณติดๆ กันอันได้แก่ยานากะ (Yanaka), เนซุ (Nezu) และเซ็นดากิ (Sendagi)

Tokyo_11 Sendagi 03

สามย่านนี้อยู่ติดกับย่านดังอย่าง “อุเอโนะ” เพียงแค่ไม่กี่ก้าวเท่านั้นเอง

สำหรับเอกลักษณ์อันมีชื่อเสียงของย่านนั้นก็คือการเป็นย่านเมืองเก่า ที่รอดพ้นจากการทำลายจากการทิ้งระเบิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ฉะนั้นบ้านเรือนชุมชนเก่าแก่ในบริเวณนี้ยังมีอยู่มากมายที่เป็นตึกเก่าแก่ดั้งเดิมในสมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่สองที่ยังคงยืนหยัดอยู่จนถึงปัจจุบัน

Tokyo_11 Sendagi 04 Tokyo_11 Sendagi 05
แหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตของย่านเซ็นดากินั้นก็คือ Yanaka Ginza ซึ่งเป็นถนนสายเล็กๆ ที่มีโลเคชั่นสวยเก๋น่าเดิน บริเวณนี้เต็มไปด้วยร้านรวงเก๋ๆ มากมายตั้งแต่ร้านขายของจุกจิกน่ารัก, ร้านขายกระเป๋าแฮนด์เมดชื่อดัง, ร้านขายของทอดสุดอร่อยยอดฮิต, ร้านขายน้ำแข็งใสอันดับต้นๆ ของโตเกียว, ร้านขายของที่ระลึก, ร้านขนมโบราณ เป็นต้น แต่สำหรับจุดถ่ายรูปยอดฮิตที่สวยที่สุดนั้นเห็นจะเป็นบนเนินบันไดซึ่งตรงจุดนี้จะมองมาเห็นป้ายประจำโซนและตรอกซอยยอดฮิตอยู่ด้านล่างนั่นเอง ซึ่งตอนนี้มุมนี้กำลังทยอยปรากฏอยู่ในสื่อหลายๆ สื่ออีกด้วย

Tokyo_11 Sendagi 02

Tokyo_11 Sendagi 08

นอกจากนี้บริเวณโดยรอบยังเต็มไปด้วยบ้านเก่าแก่สวยงาม, พิพิธภัณฑ์ขนาดเล็ก, ร้านค้าแฮนด์เมดเก๋ๆ, คาเฟ่น่านั่งที่ซ่อนตัวอยู่หลายร้าน, ไปจนถึงขนมอร่อยๆ ในแบบโฮมเมดที่หอมกรุ่นทำสดใหม่ตลอดทั้งวัน

Tokyo_11 Sendagi 07

Tokyo_11 Sendagi 06

เซ็นดากิ

ที่ตั้ง : ย่านเซ็นดากิ, เขตบุนเกียว, โตเกียว

เปิด-ปิด : ทุกวัน 10.00-22.00 น. (เวลาโดยเฉลี่ย / การเปิด-ปิดของแต่ละร้านนั้นไม่เหมือนกัน)

วิธีเดินทาง :

>วิธีที่ 1 : นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย C-Chiyoda Line (สีเขียว) ลงสถานี C15-Sendagi ทางออก  2 (Exit 2) แล้วเดินตามถนนไปจนถึงร้าน Lawson เสร็จแล้วเดินข้ามถนนเลี้ยวขวาเข้าซอยที่เยื้องตรงข้ามฝั่งกับร้าน Lawson จนถึงสามแยก เสร็จแล้วเลี้ยวซ้ายเดินไปเรื่อยๆ อีกนิดจนเจอตรอกที่มีป้ายตลาดอยู่ด้านบน

>วิธีที่ 2 : นั่งรถไฟ JR Line สายวงกลม Yamanote Line (สีเขียว), สาย Keihin-Tohoku Line (สายสีฟ้า) ลงสถานี Nippori ออกทาง West Exit เสร็จแล้วเดินตามถนนขึ้นเนินไปเรื่อยๆ อีกนิดก็จะเจอกับป้ายโซน Yanaka Ginza

>วิธีที่ 3 : นั่งรถไฟสาย Keisei Line ลงสถานี Keisei-Nippori ออกทางเดียวกับวิธีที่ 2

 

 

 

เรื่องและภาพ โดย สวาเก้น

Tokyo_10 Ameyoko Street Ueno 01 Tokyo_10 Ameyoko Street Ueno 09

อะเมะโยโกะ (Ameyoko) ถนนสายช้อปปิ้งยอดฮิตแห่งย่านอุเอโนะ (Ueno) กลางโตเกียว  นี้ทอดยาวใต้แนวรางรถไฟตั้งแต่สถานี JR Ueno ไปจนถึงสถานี JR Okachimachi ที่อยู่ถัดไป ชื่อถนนสายนี้นั้นเป็นคำย่อที่มาจากคำว่า อะเมะยะ โยโกะโชว (Ameya Yokocho) ที่แปลกว่าตรอกร้านลูกกวาดอเมริกัน ซึ่งคำว่า อะเมะ เป็นคำเรียกที่ย่อมาจาก America แล้วที่เรียกอย่างนี้ก็เพราะว่าบริเวณนี้น่ะเมื่อก่อนเต็มไปด้วยร้านขายลูกวาดตลอดจนข้าวของที่มาจากอเมริกันหลังจากช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 นั่นเอง

Tokyo_10 Ameyoko Street Ueno 02 Tokyo_10 Ameyoko Street Ueno 05

ปัจจุบันอะเมะโยโกะนั้นเต็มไปด้วยร้านรวงสารพัดชนิดกว่า 400 ร้าน (ที่แทบไม่มีร้านลูกกวาดเหลือให้เห็นเลย) ซึ่งในย่านช้อปปิ้งแห่งนี้จะมีตั้งแต่ตลาดขายของแห้งไปจนถึงของสด, ร้านผลไม้, ร้านของกินอร่อยๆ หลากเมนู, แหล่งช้อปปิ้งแฟชั่นเก๋ๆ ไปจนถึงเสื้อผ้ามาตรฐานสำหรับผู้ใหญ่, ร้านขายเสื้อผ้าตลอดจนอุปกรณ์กีฬาราคาถูก, ร้านขายกระเป๋าตั้งแต่คุณภาพพอทน (สำหรับคนที่อยากได้กระเป๋าเพิ่มสำหรับขนของกลับ) ไปจนถึงกระเป๋าเก๋ๆ, แหล่งขายนาฬิกา, ร้านแบรนด์เนมมือสอง, ร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า, ร้านขายขนมของฝาก, ร้านปาจิงโกะ, โรงแรม, ห้างดังอย่าง 0101 (marui), ร้านรองเท้ายอดฮิตอย่าง ABC ที่มีกว่า 5 ร้านในย่านนี้, และอีกสารพัดอย่าง

Tokyo_10 Ameyoko Street Ueno 03 Tokyo_10 Ameyoko Street Ueno 04

อ้อ! แล้วก็ต้องขอบอกว่าใครที่อยากซื้อรองเท้าใส่ล่ะก็นี่เป็นแหล่งซื้อรองเท้าที่ดีที่สุดในโตเกียวเลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากจะมีร้านดังให้เลือกนับสิบร้าน มีแบรนด์รองเท้าดังๆ ครบ มีรุ่นใหม่ล่าสุดเหมือนๆ กับย่านอื่นๆ แล้ว ก็ยังมีร้านค้าย่อยๆ ที่อาจได้รองเท้าในแบบเดียวกันแต่ราคาถูกกว่า ไปจนถึงรองเท้าเก๋ตกรุ่นที่นำมาลดราคากันแบบถูกสุดๆ นั่นยังไม่นับรวมร้องเท้ากีฬาแบรนด์ดังต่างๆ ที่ขายในกระบะแบบราคาย่อมเยา และข้อดีที่ว่าแต่ละร้านนั้นอยู่ไม่ไกลกันนักเหมาะอย่างยิ่งที่จะเดินซอกแซกสืบราคาก่อนที่จะตัดสินใจซื้ออีกด้วย

Tokyo_10 Ameyoko Street Ueno 06 Tokyo_10 Ameyoko Street Ueno 07 Tokyo_10 Ameyoko Street Ueno 08

 

Ameyoko

ที่ตั้ง : สถานี JR Ueno ไปจนถึงสถานี JR Okachimachi, ย่านอุเอโนะ, เขตไทโตะ, โตเกียว

เปิด-ปิด : ทุกวัน 10.00-22.00 น. (เวลาโดยเฉลี่ย / การเปิดปิดขึ้นอยู่กับแต่ละร้านค้า / ร้านอาหาร, ร้านเกม, ร้านค้าบางประเภท อาจปิดดึกมากหรือเปิดตลอด 24 ชม.)

วิธีเดินทาง :

>วิธีที่ 1 : นั่งรถไฟ JR Line สายวงกลม Yamanote Line (สีเขียว), สาย Keihin-Tohoku Line (สายสีฟ้า) ลงสถานี Ueno หรือ Okachimachi / สำหรับสถานี Ueno ออกทาง Central Gate, สถานี Okachimachi ออกทาง North Exit

>วิธีที่ 2 : นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย G-Ginza Line (สีส้ม), H-Hibiya Line (สีเทา) ลงสถานี G16/H17-Ueno ทางออก 5a, 5b, 6 (Exit 5a, 5b, 6)

>วิธีที่ 3 : นั่งรถไฟใต้ดิน Toei Line สาย E-Oedo Line (สีชมพู) ลงสถานี E09-Ueno-okachimachi ทางออก A5, A7 (Exit A5, A7)

 

เรื่องและภาพ โดย สวาเก้น

Tokyo_09 Ueno Park 03

สวนอุเอโนะ (Ueno Park) นั้นถือเป็นสวนสาธารณะแห่งแรกของญี่ปุ่นที่เปิดให้บริการเป็นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.1873 ซึ่งก่อนหน้านั้นพื้นที่บริเวณนี้เคยเป็นของวัดคันเอจิ (Kaneiji Temple) มาก่อน ปัจจุบันกลายเป็นสวนสาธารณะอันเก่าแก่ที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่นเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าสวนแห่งนี้จะตั้งอยู่ใจกลางเมืองใหญ่อย่างโตเกียว แวดล้อมไปด้วยตึกสูงมากมาย แต่ทว่าเมื่อก้าวเข้าสู่สวนอุเอโนะแล้วคุณจะรู้สึกเหมือนว่าก้าวเข้าสู่อีกโลกหนึ่งเลยทีเดียว

Tokyo_09 Ueno Park 01

Tokyo_09 Ueno Park 07

Tokyo_09 Ueno Park 10

ภายในสวนอุเอโนะนั้นนอกจากจะเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจหลากหลายมุมแล้ว ภายในยังมีสถานที่ท่องเที่ยวและศาสนสถานที่น่าสนใจอีกมากมาย อาทิ วัดคันเอจิ (Kaneiji Temple) อดีตวัดเก่าแก่อันยิ่งใหญ่ที่หลงเหลือจากสงครามในยุคเอโดะ มรดกอันสำคัญก็ได้แก่เจดีย์ 5 ชั้น, ศาสนอาคารหลัก (Kaneiji’ main hall), วัดคิโยมิซุ คานนอน (Kiyomizu Kannon Temple) อันเป็นส่วนหนึ่งของวัดคันเอจิ, ศาลเจ้าโทโชกุ (Toshogu Shrine) อันเก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1616

Tokyo_09 Ueno Park 04

Tokyo_09 Ueno Park 02

โดยรอบสวนอุเอโนะนั้นยังเต็มไปด้วยแหล่งศึกษาหาความรู้หลายแหล่งตั้งแต่เรื่องวิทยาศาสตร์ไปจนกระทั่งศิลปวัฒนธรรม เริ่มตั้งแต่ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติโตเกียว (Tokyo National Museum) พิพิธภัณฑ์ที่เก่าแก่ที่สุดและใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ภายในเต็มไปด้วยโบราณวัตถุอันทรงคุณค่าของประเทศจัดแสดงไว้มากมายกว่า 5 ชั้น, พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (National Science Museum) จัดแสดงเรื่องวิทยาศาสตร์และธรรมชาติด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย, พิพิธภัณฑ์ศิลปะกรุงโตเกียว (Tokyo Metropolitan Art Museum) จัดแสดงศิลปะร่วมสมัยที่น่าสนใจกว่า 6 แกลเลอร์รี่, พิพิธภัฑณ์ศิลปะแห่งโลกตะวันตกแห่งชาติ (National Museum of Western Art) จัดแสดงงานศิลปะจากฝั่งยุโรปที่มีตั้งแต่คอเล็กชั่นเก่าแก่ถาวรไปจนถึงงานศิลปะที่หมุนเวียนมาจัดแสดงจากพิพิธภัณฑ์มีชื่อเสียงของโลก

Tokyo_09 Ueno Park 06  Tokyo_09 Ueno Park 08 Tokyo_09 Ueno Park 09

นอกจากนี้สวนอุเอโนะยังเต็มไปด้วยแหล่งพักผ่อนหย่อนใจมากมายหลายมุม อาทิ สวนสัตว์อุเอโนะ (Ueno Zoo) ซึ่งเป็นสวนสัตว์เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่นที่เปิดบริการมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1882, บึงซิโนะบาซุ (hinobazu Pond) ที่มีเรือพายและเรือถีบให้เราชมสวนสวยๆ โดยเฉพาะหน้าซากุระที่บริเวณนี้เป็นสถานที่ยอดฮิตทีเดียว, คาเฟ่เก๋ๆ รอบลานกว้างกลางสวนอุเอโนะ, ถนนสายซากุระที่มุ่งสู่ลานกว้างกลางสวนซึ่งในฤดูที่ซากุระเบ่งบานนั้นสถานที่แห่งนี้จะเต็มไปด้วยผู้คนมากมายและเป็นหนึ่งในสถานที่ยอดฮิตที่มีคนมาร่วมฉลองฤดูดอกไม้เบ่งบานมากที่สุดอีกด้วย แถมบริเวณตลอดแนวถนนและลานกว้างนั้นจะมีการแสดงริมถนน (Street Performance) หลากรูปแบบมาโชว์ความสามารถพิเศษให้ชมกันฟรีๆ กันทุกวันอีกด้วย

 

Tokyo_09 Ueno Park 05

Ueno Park

ที่ตั้ง : ย่านอุเอโนะ, เขตไทโตะ, โตเกียว

เปิด-ปิด : ทุกวัน 06.00-22.00 น. (เวลาโดยเฉลี่ย / การเปิด-ปิดของสถานที่ย่อยนั้นไม่เหมือนกัน กรุณาเช็ครายละเอียดตามแต่ละสถานที่อีกครั้ง)

วิธีเดินทาง :

>วิธีที่ 1 : นั่งรถไฟ JR Line สายวงกลม Yamanote Line (สีเขียว), สาย Keihin-Tohoku Line (สายสีฟ้า) ลงสถานี Ueno  ออกทาง Park Gate (เข้าสู่กลางสวนสาธารณะ)

>วิธีที่ 2 : นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย G-Ginza Line (สีส้ม), H-Hibiya Line (สีเทา) ลงสถานี G16/H17-Ueno ทางออก  6 (Exit 6)

>วิธีที่ 3 : นั่งรถไฟสาย Keisei Line ลงสถานี Keisei-Ueno (ปลายทาง) ออกทางออกหลัก

 

เรื่องและภาพ โดย สวาเก้น 

Tokyo_07 Sensoji Temple Asakusa 02

วัดเซนโซ (Sensoji) ที่หลายคนอาจเรียกว่าวัดเซนโซจิ หรือที่คนส่วนใหญ่มักเรียกกันจนติดปากว่าวัดอาซากุสะนั้น ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตและเป็นสัญลักษณ์สำคัญแห่งหนึ่งของโตเกียว ตัววัดนั้นตั้งอยู่ในย่านดังอย่างอาซากุสะ (Asakusa) ก็เลยเป็นที่มาของการเรียกชื่อวัดนี้ด้วยนั่นเอง ตามตำนานเล่าว่ามีชาวประมงได้พบรูปเคารพเจ้าแม่กวนอิม (Avalokitesvara) ในแม่น้ำสุมิดะที่อยู่ไม่ไกลนักราวปี ค.ศ.628 ภายหลังจากนั้นก็ได้มีการสร้างวัดขึ้นเพื่อประดิษฐานเจ้าแม่กวนอิมนี้ซึ่งวัดนี้สร้างเสร็จราวปี ค.ศ.645 ถือเป็นวัดพุทธที่เก่าแก่ที่สุดในโตเกียวเลยทีเดียว

Tokyo_07 Sensoji Temple Asakusa 03

 

Tokyo_07 Sensoji Temple Asakusa 01

จุดเด่นที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกรู้จักกันเป็นอย่างดี และต้องแวะมาถ่ายรูปกันแทบทุกคน ก็คือประตูทางเข้าด้านหน้า ประตูคามินาริมอน (Kaminarimon Gate) หรือที่แปลว่าประตูแห่งสายฟ้า (Thunder Gate) ทางด้านทิศใต้ของวัดซึ่งเป็นประตูขนาดใหญ่ที่มีโคมแดงขนาดยักษ์เป็นเอกลักษณ์นั่นเอง ประตูแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.941 แต่ทว่าถูกไฟเผาไหม้หลายครั้ง สำหรับประตูปัจจุบันนั้นสร้างขึ้นราวปี ค.ศ.1960 ประตูแห่งสายฟ้านี้มีเทพสองตนเฝ้าอยู่ด้านข้างนั่นก็คือเทพฟูจิน (เทพแห่งลม) และเทพไรจิน (เทพแห่งสายฟ้า) เฝ้าประตูอยู่ และจุดหัตศิลป์อันสำคัญอีกจุดที่ซ่อนอยู่นั้นก็คือบริเวณใต้โคมแดงที่จะเป็นไม้แกะสลักรูปมังกรอันประณีตงดงาม สำหรับตัววัดด้านในนั้นประกอบไปด้วย ประตูโฮโซมอน (Hozomon) ที่มีขนาดใหญ่สองชั้นและโคมแดงยักษ์, วิหารฮอนโด (Hondo main hall) อันเป็นศาสนสถานหลักของวัด, และเจดีย์ 5 ชั้น อันสวยงาม นอกจากจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตแล้วคนญี่ปุ่นก็ยังนิยมมาขอพรที่วัดนี้กันอีกด้วย

 Tokyo_07 Sensoji Temple Asakusa 04 Tokyo_07 Sensoji Temple Asakusa 05 Tokyo_07 Sensoji Temple Asakusa 06 

วัดเซนโซ (Sensoji)
ที่ตั้ง : ย่านอาซากุซะ, เขตไทโต๊ะ, โตเกียว

เปิด-ปิด : ทุกวัน 06.00-17.00 น. (บริเวณวัดสามารถเดินชมได้ตลอด 24 ชม.)

วิธีเดินทาง :

>วิธีที่ 1 : นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย G-Ginza Line (สีส้ม) ลงสถานี G19-Asakusa ทางออก 1, 3 (Exit 1, 3)

>วิธีที่ 2 : นั่งรถไฟใต้ดิน Toei Line สาย A-Asakusa Line (สีส้มแดง) ลงสถานี A18-Asakusa ทางออก A4 (Exit A4)

>วิธีที่ 3 : นั่งรถไฟสาย Tobu Skytree Line ลงสถานี TS01-Asakusa (ต้นทาง) ทางออกหลัก

Tokyo_07 Sensoji Temple Asakusa 07

โตเกียวเป็นมหานครขนาดใหญ่ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวตลอดจนสิ่งน่าสนใจอยู่มากมาย แต่สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของโตเกียวที่ห้ามพลาดนั้น “รู้จริงญี่ปุ่น” คัดมาแนะนำดังนี้

1. Tokyo Skytree : หอคอยอันตระหง่านแห่งใหม่แห่งมหานครโตเกียวที่สูงกว่า 634 เมตร ครองตำหน่งหอคอยที่สูงที่สุดในโลกและสถาปัตยกรรมที่สูงที่สุดเป็นอันดับสองของโลก ด้านบนนั้นเปิดให้ขึ้นไปชมวิวในมุมสูงได้ 2 ระดับ คือที่ระดับความสูง 350 เมตร และที่ระดับความสูง 450 เมตร โดยสามารถเห็นเมืองโตเกียวในมุมสูงได้แบบ 360 องศา รวมไปถึงสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้อีกด้วย อ่านรีวิว Tokyo Skytree ได้ที่นี่

Tokyo_06 Top 5 Tokyo Attractions 01 Tokyo Skytree

2.อะซะกุซะ (Asakusa) : ย่านอะซะกุซะนั้นยังคงเป็นย่านท่องเที่ยวยอดฮิตยอดนิยมอยู่ไม่เสื่อมคลาย โดยเฉพาะการแวะไปสักการะวัดพุทธที่เก่าแก่ที่สุดในโตเกียวอย่างวัดเซนโซ (Sensoji) ถ่ายรูปกับโคมแดงยักษ์อันมีชื่อเสียงที่ประตูคามินาริมอน (Kaminarimon Gate) จนกระทั่งช้อปปิ้งของที่ระลึกและชิมของอร่อยที่นากะมิเซะ (Nakamise) อันถือว่าเป็นตลาดแห่งแรกของโตเกียวเลยก็ว่าได้ อ่านรีวิวเที่ยววันเซนโซ (Sensoji) ได้ที่นี่

Tokyo_06 Top 5 Tokyo Attractions 02 Asakusa

3. ซึกิจิ (Tsukiji Fish Market): ตลาดปลาที่ได้ชื่อว่าใหญ่ที่สุดในโลกนี้มีชีวิตชีวาต้อนรับนักท่องเที่ยวกันแต่เช้าตรู่ การเดินเที่ยวตลาดสดแบบโตเกียวนั้นสนุกและน่าตื่นเต้นทีเดียว แต่ว่ากิจกรรมที่ห้ามพลาดเด็ดขาดเมื่อมาเยือนตลาดนี้ก็คือการเสาะหาของอร่อยๆ กินโดยเฉพาะซูชิที่ทำจากปลาสดๆ หลากชนิดที่ถือว่ารสเยี่ยมอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่นเลยทีเดียว อ่านรีวิวพาเที่ยวตลาดปลาซิกิจิและแนะนำร้านอร่อยที่ตลาดปลาได้ที่นี่

Tokyo_06 Top 5 Tokyo Attractions 03 Tsukiji

4. ย่านชิบุยา (Shibuya Area) : อาณาเขต Shopping & Lifestyle ที่ใหญ่และน่าเดินที่สุดนั้นคงต้องยกนิ้วให้ย่านชิบุย่าทั้งย่านซึ่งเราสามารถเดินช้อปทะลุถึงกันได้ทั้งหมด (เหนื่อยหน่อยแต่สนุกและคุ้มค่า) สำหรับย่านนี้มีอาณาเขตติดต่อกันชนิดที่ว่าเดินทะลุถึงกันได้นั้นก็ตั้งแต่ย่านหลักย่านใหญ่อย่างชิบุยา (Shibuya) ที่สามารถเดินต่อมายัง cat street สู่ย่านอะโอยาม่า (Aoyama) หรือตรงสู่โอโมเตะซานโด (Omotesando) ย่านเก๋หรูหราที่ได้รับฉายาว่า Tokyo’s Champs-Élysées ได้อย่างเพลินๆ ต่อจากนั้นอาจเดินช้อปผ่านตรอกซอกซอยจนไปถึงย่านฮาราจูกุ (Harajuku) ได้อย่างชิลล์ๆ เชียวล่ะ แล้วแถมท้ายการช้อปปิ้งด้วยการแวะไปสักการะศาลเจ้าเมจิ (Meiji Jingu) อันโด่งดังได้อีกด้วย

Tokyo_06 Top 5 Tokyo Attractions 04 Shibuya

5. สวนอุเอโนะ (Ueno Park) : สวนสาธารณะอันยิ่งใหญ่และเก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่นซึ่งภายในมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมายตั้งแต่ศาสนสถาน (อาทิ วัดคันเอจิ, ศาลเจ้าโทโชกุ), พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ (Tokyo National Museum, National Science Museum), พิพิธภัณฑ์ศิลปะ (Tokyo Metropolitan Art Museum, National Museum of Western Art), สวนสัตว์ (Ueno Zoo), ตลอดจนคาเฟ่เก๋ๆ และการแสดง Street Performance ที่น่าสนใจมากมาย แล้วยิ่งถ้าเป็นฤดูใบไม้ผลิที่ดอกซากุระเบ่งบานนั้นสวนอุเอโนะแห่งนี้ยังถือเป็นที่ชมซากุระยอดฮิตอีกด้วย อ่านรีวิวพาเที่ยวสวนอุเอโนะได้ที่นี่

Tokyo_06 Top 5 Tokyo Attractions 05 Ueno Park