Ad
Ad
Ad
Tag

เที่ยวญี่ปุ่น

Browsing

เรื่องและภาพ โดย สวาเก้น

Tokyo_19 Tokyo City View 02 จุดชมวิวเมืองในมุมสูงนั้นดูจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของแทบทุกเมืองใหญ่ทั่วโลกซึ่งหลายๆ ตึกดังนั้นต่างก็มีชั้นชมวิวอยู่ด้านบน แล้วถ้าพูดถึงตึกสูงในโตเกียวที่มีชื่อเสียงในเรื่องนี้แล้วล่ะก็ต้องยกให้ตึก Roppongi Hills แห่งย่าน Roppongi ที่ว่ากันว่าเป็นจุดชมวิวในมุมสูงที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของโตเกียว

Tokyo_19 Tokyo City View 07

Tokyo_19 Tokyo City View 01

 

Tokyo_19 Tokyo City View 04

Tokyo City View เป็นจุดชมวิวที่ตั้งอยู่บนชั้น 52 ของตึก Roppongi Hills อันโด่งดังนั่นเอง ด้านล่างของตึกนั้นเป็นแหล่งช้อปปิ้งหรูหรามีระดับที่ทุกคนรู้จักกันเป็นอย่างดี ส่วนใครที่อยากชมวิวสวยๆ นั้นก็สามารถซื้อตั๋วขึ้นไปด้านบนได้ เมื่อถึงชั้นที่ 52 นั้นเราจะเห็นจุดชมวิวผ่านกระจกใสที่สูงราวตึก 2 ชั้น ให้เห็นวิวภายนอกได้อย่างสวยงามเต็มตา เราสามารถเดินชมวิวได้รอบถึง 360 องศา ระหว่างทางจะมีคาเฟ่ๆ เล็กๆ เก๋ๆ ให้เลือกชิลล์ หรือจะเป็นร้านอาหารที่เป็นจุดดินเนอร์ยอดฮิตที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของโตเกียว นอกจากนี้ยังมีร้านจำหน่ายของที่ระลึกเก๋ๆ อีกด้วย

Tokyo_19 Tokyo City View 03

ความพิเศษของชั้น 52 นี้มีอีกหนึ่งอย่างนั่นก็คือ MORI ART MUSUEM (www.mori.art.museum) ซึ่งถือว่าเป็นห้องแสดงนิทรรศการศิลปะชั้นนำของโตเกียวและเป็นอาร์ตแกลเลอร์รี่อยู่สูงที่สุดในโตเกียวอีกด้วย ซึ่งเราสามารถขึ้นบันไดไปยังชั้น 53 เพื่อเข้าสู่โซนแสดงนิทรรศการโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม สำหรับ MORI ART MUSUEM นั้นเป็นที่แสดงนิทรรศการศิลปะร่วมสมัยที่มีศิลปินชั้นนำของญี่ปุ่นไปจนกระทั่งศิลปินชั้นนำระดับโลกหมุนเวียนกันมาจัดแสดงงานที่นี่อย่างสม่ำเสมอ

Tokyo_19 Tokyo City View 05 Tokyo_19 Tokyo City View 06

สำหรับความพิเศษที่สุดของ Tokyo City View นั้นก็คือจุดชมวิวชั้น SKY DECK (ที่ต้องเสียเงินเพิ่ม/หรือซื้อรวมกับบัตรผ่านประตูครั้งแรกได้) ที่ต้องขึ้นไปด้านบนของชั้นดาดฟ้าหลังคาตึกในระดับความสูง 270 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ซึ่งตรงจุดนี้จะเป็นลานกว้างไว้จอดเฮลิคอปเตอร์และโดยรอบนั้นก็คือทางเดินเพื่อชมวิวเมืองในมุมสูงแบบ Open Air ไร้สิ่งขวางกันที่เราสามารถเห็นเมืองโตเกียวในมุมสูงได้ถึงเกือบ 360 องศาเลยทีเดียว นอกจากจะรับลมชมวิวแล้วนั้นด้านบนเขายังจัดที่นั่งไม้เล็กๆ ให้เราได้เพลิดเพลินกับการชมวิวชิลๆ ได้อีกด้วย ซึ่งมุมหนึ่งนั้นก็คือมุมยอดฮิตที่เราสามารถเห็นหอคอยโตเกียวได้อย่างใกล้ชิดและสวยงาม แถมยังเป็นมุมที่ช่างภาพนิยมเก็บภาพหอคอยโตเกียวกับเมืองสุดลูกหูลูกตามากที่สุดอีกด้วย หากใครไม่ได้พกกล้องไป ด้านบนนั้นเขาก็มีบริการถ่ายภาพคู่กับหอคอยโตเกียวอีกด้วย สำหรับวันที่ท้องฟ้าเปิดอากาศสดใสเมฆไม่มากนั้นเราสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิอันตระหง่านได้อีกด้วย และสำหรับเวลาดีที่นิยมกันมากที่สุดนั้นก็คือช่วงเย็นอันเป็นช่วงตะวันตกดิน ซึ่งเวลาที่ตะวันคล้อยนั้นบนชั้นนี้เป็นจุดชมวิวที่แสนโรแมนติกและสวยสุดยอดทีเดียว แถมเรายังสามารถชิลล์ๆ ไปถึงยามค่ำที่หลังตะวันลับขอบฟ้าแล้วเราก็จะเห็นวิวเมืองโตเกียวในยามค่ำคืนที่ประดับประดาไปด้วยแสงไฟระยิบระยิบมีชีวิตชีวาอันเป็นวิวเมืองในมุมสูงอีกอารมณ์ที่งดงามน่าประทับใจทีเดียว

Tokyo_19 Tokyo City View 08 Tokyo_19 Tokyo City View 09

 

Tokyo City View

ที่ตั้ง : ชั้น 52 ตึก Roppongi Hills ย่านรอปปองหงิ, เขตมิตาโตะ, โตเกียว

เปิด-ปิด (Tokyo City View) : จ.-พฤ., อา 10.00-23.00 น. / ศ.-ส., และคืนก่อนวันหยุดญี่ปุ่น 10.00-01.00 น.

เปิด-ปิด (Sky Deck) : ทุกวัน 11.00-20.00 น. (และอาจปิดเมื่อสภาพอากาศเลวร้าย)

ค่าบริการ (Tokyo City View) : ผู้ใหญ่ 1,500 เยน / นักเรียน (มัธยมปลาย-มหาวิทยาลัย) 1,000 เยน / เด็ก (4 ขวบ-มัธยมต้น) 500 เยน

ค่าบริการ (Sky Deck) : ผู้ใหญ่-นักเรียน (มัธยมปลาย-มหาวิทยาลัย) 500 เยน / เด็ก (4 ขวบ-มัธยมต้น) 300 เยน

ติดต่อ : www.roppongihills.com/tcv

วิธีเดินทาง :

>วิธีที่ 1 : นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย H-Hibiya Line (สีเทา) ลงสถานี H04-Roppongi ทางออก 1 (Exit 1)

>วิธีที่ 2 : นั่งรถไฟใต้ดิน Toei Line สาย E-Oedo Line (สีชมพู) ลงสถานี E23-Roppongi ทางออก 1 (Exit 1)

 

หาตั๋วเครื่องบินราคาถูกคลิกที่นี่

ชอบกด Like ใช่กด Share ^-^

เรื่องและภาพ โดย สวาเก้น

Tokyo_18 Shinjuku Overall 01

ย่านที่ถือว่าเป็นศูนย์กลางเกือบแทบจะทุกอย่างของโตเกียวนั้นก็คือชินจูกุ (Shinjuku) นี่เอง เพราะนอกจากจะเป็นที่ตั้งของ The Metropolitan Government Office ที่ว่าการแห่งมหานครโตเกียวแล้ว ย่านนี้ยังเต็มไปด้วยบริษัทชื่อดังมากมายโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจการเงิน แต่สำหรับการรับรู้ของนักท่องเที่ยวและคนญี่ปุ่นทั่วไปนั้นย่านนี้ก็คือแหล่งบันเทิงยอดฮิตตลอดจนแหล่งช้อปปิ้งยอดเยี่ยมที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาหลากสีสันที่น่าสนุกทีเดียว

Tokyo_18 Shinjuku Overall 04

พามาแนะนำแหล่งช้อปกันก่อนดีกว่า โซนแรกนั้นเป็นแหล่งรวมของห้างช้อปปิ้งเก๋ๆ โดยเฉพาะสินค้าของเหล่าสาวๆ อินเทรนด์ซึ่งโซนนี้จะอยู่บริเวณสถานีรถไฟใหญ่ JR Shinjuku เลย ตั้งแต่ Lumine (www.lumine.ne.jp/shinjuku), Shinjuku Mylord (www.shinjuku-mylord.com), Shinjuku Terrace City แหล่งแฮงค์เอาท์กลางแจ้งเก๋ๆ ที่มีคาเฟ่น่านั่งพร้อมร้านน่าช้อปปิ้ง, หรือห้างใหญ่อันเก่าแก่และหรูหราอย่าง Takashimaya สาขาชินจูกุ ซึ่งห้างนี้ยังเป็นที่ตั้งของ Tokyu Hands ห้างสารพัดของขายโดยเฉพาะสินค้าในกลุ่ม D.I.Y ที่มีให้เลือกมากมาย และถือเป็น Tokyu Hands ที่ใหญ่ไม่แพ้สาขาชิบูยาเลยทีเดียว

โซนช้อปปิ้งยอดฮิตอีกโซนนั้นอยู่ทางทิศตะวันออกของสถานีชินจูกุ ซึ่งบริเวณนี้จะเต็มไปด้วยห้างใหญ่เก่าแก่แต่ได้รับการดูแลอย่างดีและใส่กลิ่นอายความเก๋เท่ลงไปอยู่ตลอดเวลา ห้างเก่าแก่ยอดฮิตที่มีอายุกว่า 100 ปี นั้นก็ได้แก่ Isetan (www.isetan.co.jp) กับสาขาดั้งเดิมที่อยู่ในอาคารเก่าแก่สไตล์ยุโรป, Isetan men’s กับห้างแรกๆ ที่ฉีกตัวเปิดดีพาร์ทเมนต์โสตร์สำหรับผู้ชายโดยเฉพาะซึ่งกลายเป็นต้นแบบที่ฮิตมาจนถึงทุกวันนี้ และ Isetan men’s นั้นก็โด่งดังและเป็นที่นิยมขึ้นเรื่อง ภายในมีสิ้นค้าสำหรับผู้ชายที่คัดสรรมาเป็นพิเศษ คุณภาพเยี่ยม และไม่ตกเทรนด์, นอกจากนี้ก็ยังมีห้างเก่าแก่อีกห้างนั่นก็คือ 0101 (มารุอิ) (www.0101.co.jp) ซึ่งบริเวณนี้มีถึง 3 ห้างย่อยตั้งแต่ 0101 Shinjuku Marui Honkan อันเป็นฐานหลัก, 0101 Shinjuku Marui Men ที่เจาะกลุ่มตลาดผู้ชายโดยเฉพาะ, และ 0101 Shinjuku Marui Annex กับห้างใหม่ล่าสุดที่เก๋ตั้งแต่ตัวตึกภายนอก และภายในนั้นมีร้านค้าเท่ๆ เก๋ๆ สินค้าชิคๆ อยู่มากมาย

Tokyo_18 Shinjuku Overall 05นอกจากจะช้อปปิ้งแฟชั่นกันแล้วที่นี่ก็ยังเป็นแหล่งซื้อหาเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ดังไม่ต่างจากย่าน Akihabara กันเลยทีเดียว ตั้งแต่ Big Camera (www.biccamera.co.jp) สาขาใหญ่โต, Ydobashi (www.yodobashi.com) สาขาใหญ่, หรือแม้แต่แหล่งช้อปปิ้งใหม่เก๋ยอดนิยมล่าสุดอย่าง BIGQLO ที่เกิดจากสองยักษ์ใหญ่รวมตัวกันได้แก่ Big Camera และ Uniqlo เปิดห้างใหม่อันโดดเด่นที่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าสารพัดรูปแบบผสมกับร้านจำหน่ายซื้อผ้าแฟชั่นยอดฮิตนั่นเอง

Tokyo_18 Shinjuku Overall 02

Tokyo_18 Shinjuku Overall 03

ในชินจูกุนั้นยังมีห้างดังๆ เก๋ๆ ร้านเล็กๆ ชิคๆ ซ่อนตัวอยู่อีกเพียบ แต่สำหรับผู้ที่ชอบสีสันชีวิตชีวายามค่ำคืนนั้นไม่มีใครที่ไม่รู้จักย่านคาบูกิโชว (Kabukicho) แหล่งท่องราตรีอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น ตลอดตรอกซอกซอยเต็มไปด้วยร้านอาหารดีๆ, ร้านปาจิงโกะ, love hotels, และกิจกรรมบันเทิงอีกมากมาย แต่ถึงอย่างนั้นชินจูกุนี้ก็มีมุมธรรมชาติอันสวยงามไม่แพ้ที่อื่นเช่นกัน ถ้าหากเบื่อจากการช้อปปิ้งหรือท่องเที่ยวแหล่งบันเทิงแล้วล่ะก็เราสามารถปลีกตัวไปเที่ยว Shinjuku Gyeon หนึ่งในสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในโตเกียวซึ่งเต็มไปด้วยความร่มรื่น โดยเฉพาะช่วงที่ซากุระเบ่งบานนั้นที่นี่ถือเป็นหนึ่งแห่งยอดฮิตที่ผู้คนนิยมมาชมซากุระกันอีกด้วย

 Tokyo_18 Shinjuku Overall 06

ชินจูกุ (Shinjuku)

ที่ตั้ง : เขตชินจูกุ, โตเกียว

วิธีเดินทาง :

>วิธีที่ 1 : นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย M-Marunouchi Line (สีแดง) ลงได้ทั้งสถานี M08-Shinjuku และ M09-Shinjuku Sanchome

>วิธีที่ 2 : นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย F-Fukutoshin Line (สีน้ำตาลแดง) ลงสถานี F13-Shinjuku Sanchome

>วิธีที่ 3 : นั่งรถไฟใต้ดิน Toei Line สาย E-Oedo Line (สีชมพู), สาย S-Shinjuku Line (สีเขียวอ่อน) ลงสถานี E01/E27/S01-Shinjuku (สาย S สามารถลงที่ S02-Shinjuku Sanchome ได้อีกด้วย)

>วิธีที่ 4 : นั่งรถไฟ JR สาย Yamanote Line (สายวงกลม-สีเขียว) ลงสถานี Shinjuku

>วิธีที่ 5 : นั่งรถไฟ Odakyu Line ลงสถานี Shinjuku (ต้นทาง)

 

เรื่องและภาพ โดย สวาเก้น

Tokyo_17 Meiji Jingu Harajuku 01 Tokyo_17 Meiji Jingu Harajuku 02

ทุกช่วงรอยต่อของปีชาวญี่ปุ่นจำนวนมากนิยมที่จะไปขอพรกันที่วัดหรือศาลเจ้าซึ่งถือเป็นความเชื่อว่าจะเป็นนิมิตหมายแห่งการเริ่มต้นปีใหม่ที่ดี และสำหรับสถานที่ยอดนิยมที่สุดของโตเกียว (และของญี่ปุ่น) นั้นก็คือศาลเจ้าเมจิแห่งนี้นี่เอง ซึ่งจะมีผู้คนจำนวนมากที่ทยอยมาสวดมนต์ขอพรกันตลอดทั้งวันทั้งคืนเลยทีเดียว

Tokyo_17 Meiji Jingu Harajuku 05ศาลเจ้าเมจิ (Meiji Jingu / Meiji Shrine) นั้นสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์อุทิศถวายแด่สมเด็จพระจักรพรรดิเมจิ (Emperor Meiji) และพระจักรพรรดินีโซเค (Empress Shoken) ภายหลังจากที่ทั้งสองพระองค์นั้นสวรรคต ศาลเจ้าแห่งนี้สร้างเสร็จเมื่อปี ค.ศ.1920 โดยการร่วมมือของประชาชนทั่วญี่ปุ่นที่ช่วยกันบริจาคต้นไม้กว่า 100,000 ต้น เพื่อสร้างป่าแห่งนี้ขึ้น ศาลเจ้าเมจินั้นเป็นศาสนสถานในศาสนาชินโตอันเป็นศาสนาเก่าแก่และดั้งเดิมของญี่ปุ่น ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้นศาลเจ้าแห่งนี้ถูกทำลายอย่างหนัก ศาลเจ้าปัจจุบันนั้นได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ราวปี ค.ศ.1958 ด้วยงบประมาณที่เกิดจากการระดมทุนสาธารณะอีกครั้งนั่นเอง

Tokyo_17 Meiji Jingu Harajuku 03

Tokyo_17 Meiji Jingu Harajuku 06

ในยุคปัจจุบันนั้นศาลเจ้าแห่งนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางป่าไม้อันร่มรื่นเขียวครึ้มท่ามกลางการโอบล้อมของตึกสูงระฟ้าและเมืองใหญ่อย่างย่านชินจูกุและชิบูย่า มีนักท่องเที่ยวแวะมาเยี่ยมเยือนกันตลอดทั้งปีแบบไม่ขาดสาย นอกจากจะเป็นศาลเจ้าที่คนนิยมมาสวดมนต์ขอพรในช่วงปีใหม่แล้ว ที่นี่ยังเป็นสถานที่แต่งงานตามแบบประเพณีญี่ปุ่นโบราณที่คู่บ่าวสาวนิยมมาจัดงานกันอีกด้วย ซึ่งเราสามารถเห็นประเพณีเก่าแก่อันทรงคุณค่านี้ได้เสมอๆ ในคราวที่มาเยือนวัดแห่งนี้

Tokyo_17 Meiji Jingu Harajuku 04

Tokyo_17 Meiji Jingu Harajuku 07

นอกจากนี้กิจกรรมที่เป็นที่นิยมทั้งคนญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวก็คือการขอพรบนแผ่นไม้ที่เรียกว่า อิมะ (Ema) ซึ่งจะเป็นแผ่นไม้เล็กๆ (แผ่นละ 500 เยน) ให้เราเขียนขอพรต่างๆ ลงไปในนั้น อธิษฐานเสร็จแล้วก็ให้นำไปแขวนไว้โดยรอบต้นไม้ใหญ่ที่จัดไว้ให้นั่นเอง ซึ่งเราจะเห็นได้ตั้งแต่ภาษาญี่ปุ่น, ภาษาอังกฤษ, ภาษาเกาหลี, หรือว่าแม้แต่ภาษาไทย

Tokyo_17 Meiji Jingu Harajuku 08

 Tokyo_17 Meiji Jingu Harajuku 09

Meiji Jingu, Harajuku

ที่ตั้ง : ย่านฮาราจูกุ, เขตชิบูย่า, โตเกียว

เปิด-ปิด : ทุกวัน 05.00-18.00 น. (เวลาโดยเฉลี่ย / โปรดเช็คเวลาที่แน่นอนของแต่ละเดือนอีกครั้งหนึ่ง) / สำหรับวันที่ 31 ธ.ค. ของทุกปี เปิดตลอด 24 ชม.

ติดต่อ/ข้อมูล : www.meijijingu.or.jp/english

วิธีเดินทาง :

>วิธีที่ 1 : นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย C-Chiyoda Line (สีเขียวเข้ม) / สาย F-Fukotoshin Line (สีน้ำตาลทอง) ลงสถานี C03/F15-Meiji-Jingumae ทางออก 2

>วิธีที่ 2 : นั่งรถไฟ JR สาย Yamanote Line (สายวงกลม-สีเขียว) ลงสถานี Harajuku ทางออก Omote-sando Exit

 

เรื่องและภาพ โดย สวาเก้น

Tokyo_16 Shibuya Overall 03

ชิบูย่า (Shibuya) นั้นได้รับฉายาว่าเป็น Shopping District แห่งโตเกียว และของญี่ปุ่น ที่ผู้คนทั่วโลกรู้จักกันเป็นอย่างดี นอกจากนี้ก็ยังเป็นแหล่งรวมของความบันเทิงหลากหลายชนิด, แฟชั่นเก๋ๆ ใหม่ๆ ที่อัพเดทตลอดเวลา, คาเฟ่เก๋ๆ ที่ชวนแฮงค์เอาท์อย่างยิ่ง, ไปจนถึงร้านอาหารอร่อยๆ ที่แทรกตัวอยู่มากมาย

Tokyo_16 Shibuya Overall 02

Tokyo_16 Shibuya Overall 01

แต่แน่นอนว่ากิจกรรมหลักของผู้คนที่มุ่งมาย่านนี้ก็คือซอกแซกตามซอกซอยและเข้าห้างต่างๆ เพื่อช้อปปิ้งอย่างจุใจ แหล่งช้อปปิ้งแรกที่เป็นขวัญใจสาวๆ ทุกยุคทุกสมัยแล้วก็ถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญของย่านนี้นั่นก็คือ Shibuya 109 (www.shibuya109.jp) ที่ตลอดทั้งตึกนั้นเต็มไปด้วยร้านรวงเก๋ๆ ขวัญใจสาวนักช้อปมากมาย ปัจจุบันมีตึกสำหรับผู้ชาย 109 Men (www.109mens.jp) ที่มีของเท่ๆ เก๋ๆ เฉพาะสุภาพบุรุษให้ช้อปกันด้วย, ตึกต่อมานั้นเป็นตึกสารพัดของใช้อย่าง Tokyu Hands (shibuya.tokyu-hands.co.jp) ที่ถือว่าเป็นสาขาที่ใหญ่ที่สุดและมีของสาระพัดรูปแบบให้เลือกมากที่สุดตั้งแต่แฟชั่นยันของใช้เลยทีเดียว, อีกตึกที่ดูจะมีแต่แบรนด์เก๋ๆ ร้านเท่ๆ ที่ให้ช้อปได้ทั้งชายหญิงก็คือ PARCO (shibuya.parco.jp) ที่นอกจะจะแต่งห้างให้น่าเดินแล้ว ร้านต่างๆ ยังมีของให้ช้อปที่คัดสรรมาเป็นพิเศษอีกด้วย โดยเฉพาะแบรนด์ดังหลายๆ ร้านที่ไม่เหมือนที่ไหน, นอกจากนี้ก็ยังมี Loft (www.loft.co.jp/shoplist/shibuya) สาขาชิบูย่าที่เต็มไปด้วยของเก๋ๆ มากมาย, หรือ Francfranc (www.francfranc.com) ที่ขายของคล้ายๆ Loft ที่เรียบง่ายแต่มีสีสัน เน้นการใช้งานมากกว่าแฟชั่น, นอกจากนั้นก็แนะนำให้ซอกแซกซอกซอนตามซอยและตามถนนที่จะเต็มไปด้วยร้านค้าแบรนด์ดังมากมาย อาทิ Uniqlo, United Arrow, Batting Ape, Journal Stand ไปจนกระทั่งร้านรองเท้ายอดนิยมอย่าง ABC นั่นเอง

Tokyo_16 Shibuya Overall 04

สีสันของชิบูย่านั้นไม่เคยหลับใหล นี่จึงเป็นแหล่งเอ็นเตอร์เทนของโลกแห่งหนึ่งเลยทีเดียว โดยเฉพาะด้านเสียงเพลงซึ่งที่นี่เป็นที่ตั้งของ Entertainment Complex หลายเจ้า ตั้งแต่เจ้าตลาดชื่อดังอย่าง Tower Record ที่มีตึกจำหน่าย Music Lifestyle เป็นของตัวเอง, หรือแม้แต่ตึก HMV Shibuya อาณาจักรเพลงทั่วโลกอันเก่าแก่และยิ่งใหญ่ประจำย่าน, ไปจนถึงตึกโด่งดังอย่าง Q-FRONT ที่เป็นฐานที่มั่นของ TSUTAYA แถมยังเป็นที่ตั้งของ Starbucks สาขายอดฮิตที่เราสามารถเฝ้ามองการเคลื่อนไหวของสี่แยกที่วุ่นวายที่สุดในโลกได้อย่างสุขใจ

Tokyo_16 Shibuya Overall 05

พูดถึงสี่แยกที่วุ่นวายที่สุดในโลกนั้นก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ยอดนิยมที่ใครๆ ก็ต้องแวะมา ซึ่งแยกที่ว่านี้ก็คือ Hachiko Square ที่มีผู้คนพลุกพล่านข้ามถนนกันแทบจะ 24 ชม. เลยทีเดียว แล้วพระเอกแห่งแยกนี้ก็หนีไม่พ้นรูปปั้นของ Hachiko สุนัขผู้ซื่อสัตย์อันโด่งดังของโลกซึ่งมีคนแวะเวียนมาถ่ายรูปคู่กับมันมากมาย และสำหรับพระเอกคนล่าสุดที่เพิ่งจะเปิดตัวไปเมื่อปี ค.ศ.2012 นั้นก็คือตึก Shibuya Hikarie ที่อยู่อีกฝั่งของความพลุกพล่าน ภายในเต็มไปด้วยร้านค้าเก๋ๆ เท่ๆ มากมายไม่แพ้ตัวตึกที่ดูสวยล้ำสมัย และตึกนี้เองคือตึกแรกที่เสร็จสมบูรณ์อันเป็นโฉมของภาพลักษณ์ใหม่แห่ง Shibuya Station ที่โตเกียวมีแผนจะปรับโฉมสถานีรถไฟและสิ่งแวดล้อมโดยรอบใหม่ (รวมไปถึงผุดตึกสำนักงานและแหล่งช้อปปิ้งล้ำๆ อีกหลายตึก) ที่คาดว่าหน้าตาของชิบูยาโฉมใหม่อันล้ำสมัยจะเสร็จราวๆ ปี 2020 เพื่อต้อนรับโอลิมปิก 2020 ที่โตเกียวเป็นเจ้าภาพนั่นเอง

Tokyo_16 Shibuya Overall 07

Tokyo_16 Shibuya Overall 06

 

ชิบูยา (Shibuya)

ที่ตั้ง : เขตชิบูยา, โตเกียว

วิธีเดินทาง :

>วิธีที่ 1 : นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย G-Ginza Line (สีเหลือทอง), สาย F-Fukutoshin Line (สีน้ำตาลแดง), สาย Z-Hanzomon Line (สีม่วง) ลงสถานี G01/F16/Z01-Shibuya

>วิธีที่ 2 : นั่งรถไฟ JR สาย Yamanote Line (สายวงกลม-สีเขียว) ลงสถานี Shibuya

>วิธีที่ 2 : นั่งรถไฟ Tokyu Line สาย Tokyu Den-en-toshi Line (DT), สาย Tokyo Toyoko Line (TY) ลงสถานี Shibuya (ต้นสาย)

 

เรื่องและภาพ โดย สวาเก้น

Tokyo_14 Tokyo Imperial Palace 01

พระราชวังอิมพีเรียล (Imperial Palace) เป็นที่ประทับของพระจักรพรรดิญี่ปุ่นตลอดจนราชวงศ์อิมพีเรียล พระราชวังองค์ปัจจุบันนั้นตั้งอยู่บนที่ที่เคยเป็นที่ตั้งของปราสาทเอโดะมาก่อนซึ่งในสมัยนั้นครองโดยโชกุนโตกุกาวะ (Tokugawa Shogunate) ผู้ที่ปกครองญี่ปุ่นตั้งแต่ ค.ศ.1603-1867 จนภายหลังนั้นระบบโชกุนได้ถูกล้มล้างอำนาจจนล่มสลายลงเพื่อเปลี่ยนระบบการปกครองใหม่ ราชวงศ์อิมพีเรียลจึงได้ย้ายจากเกียวโตมาประทับที่โตเกียวแทนในปี ค.ศ.1868 โดยได้สร้างพระราชวังใหม่ขึ้นบนพื้นที่นี้และแล้วเสร็จในปี ค.ศ.1888

Tokyo_14 Tokyo Imperial Palace 04

พื้นที่ขนาดใหญ่นั้นรายรอบไปด้วยคูน้ำอันกว้างขวาง ป้องกันด้วยปราการกำแพงหินอันสูงชันและแข็งแกร่ง ภายในบริเวณพระราชวังนั้นไม่อนุญาตให้คนทั่วไปเข้าไปชม เว้นแต่ในวันที่ 2 มกราคม วาระของวันขึ้นปีใหม่ และวันที่ 23 ธันวาคม อันเป็นวันคล้ายวันประสูติของสมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโต้องค์ปัจจุบัน ซึ่งมีเพียงสองวันนี้เท่านั้นที่จะเปิดให้ประชาชนเข้าไปด้านในเพื่อชื่นชมพระบารมีของพระจักรพรรดิและเหล่าราชวงศ์ที่จะทรงออกมาทักทายประชาชนของพระองค์อันถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติทุกปี

จุดยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวนั้นเห็นจะเป็นบริเวณโซนด้านหน้าพระราชวังที่เรียกว่านิจูบาชิ (Nijubashi) ซึ่งแปลว่า Double Bridge หรือ สะพานคู่ ซึ่งบริเวณนี้จะมีสะพานเหล็กที่อยู่ด้านหลังเพื่อเชื่อมเข้าเขตพระราชวัง และสะพานหินที่อยู่ด้านหน้าเพื่อเชื่อมต่อสู่สะพานเหล็ก (ที่มักปรากฏในรูปถ่ายนั่นเอง) ซึ่งสะพานด้านหน้านี้มักนิยมเรียกกันว่าเมกะเนะบาชิ (Meganebashi) หรือแปลความหมายได้ว่าสะพานแว่นตา ซึ่งมาจากภาพสะท้อนน้ำของโค้งหินสองอันนั่นเอง

Tokyo_14 Tokyo Imperial Palace 02

อีกบริเวณหนึ่งที่น่าสนใจนั้นก็คือ Imperial Palace East Gardens ที่อยู่โซนด้านหลังพระราชวังซึ่งตรงจุดนี้จะเปิดให้ประชาชนเข้าชมพระราชฐานด้านในได้ตลอดทั้งปี (ยกเว้นวันจันทร์, วันศุกร์, และตามประกาศของรางวัง) ด้านในนั้นจะมีการจัดสวนในสไตล์ญี่ปุ่นไว้อย่างงดงาม ซึ่งความจริงแล้วบริเวณนี้ก็คือสถานที่ตั้งดั้งเดิมของปราสาทเอโดะนั่นเอง และบริเวณนี้เรายังสามารถเห็นซากรากฐานดั้งเดิมของปราสาทเอโดะที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ซึ่งปราสาทแห่งนี้เดิมสร้างขึ้นเมื่อราว ปี ค.ศ.1638 และเคยเป็นปราสาทที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย แต่ภายหลังจากนั้นไม่กี่ปีมันก็ถูกไฟไหม้อันเนื่องมาจากเหตุอัคคีภัยเผาเมืองครั้งใหญ่ในราวปี ค.ศ.1657 และหลังจากนั้นปราสาทแห่งนี้ก็ไม่เคยถูกสร้างขึ้นใหม่อีกเลย คงหลงเหลือแต่รากฐานไว้ให้ดูต่างหน้าซึ่งได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี แต่เมื่อเราได้เห็นรากฐานนี้ก็สามารถที่จะจินตนาการความยิ่งใหญ่ในอดีตได้ไม่ยากเช่นกัน อ่านรีวิวพาเที่ยวสวน Imperial Palace East Gardens ได้ที่นี่

 Tokyo_14 Tokyo Imperial Palace 03

พระราชวังอิมพีเรียล (Imperial Palace)

ที่ตั้ง : เขตชิโยดะ, โตเกียว

เปิด-ปิด : จุดชมสะพานตลอด 24 ชม. / สวน Imperial Palace East Gardens > 09.00-16.00 น. (เวลาโดยเฉลี่ย / โปรเช็คเวลาละเอียดในแต่ละเดือนอีกครั้ง), หยุดวันจันทร์ และศุกร์

วิธีเดินทาง :

>วิธีที่ 1 : นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย M-Marunouchi Line (สีแดง) ลงสถานี M17-Tokyo ทางออก 6, D2 (Exit 6, D2)

>วิธีที่ 2 : นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย H-Hibiya Line (สีเทา),สาย C-Chiyoda Line ลงสถานี H7/C9-Hibiya ทางออก B6 (Exit B6)

>วิธีที่ 3 : นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย C-Chiyoda Line (สีเขียว) ลงสถานี C10-Nijubashimae ทางออก 2, B6 (Exit 2, B6)

>วิธีที่ 4 : นั่งรถไฟใต้ดิน Toei Line สาย I-Mita Line (สีน้ำเงิน) ลงสถานี I08-Hibiya ทางออก B6 (Exit B6)

>วิธีที่ 5 : นั่งรถไฟ JR สาย Yamanote Line (สายวงกลม-สีเขียว), Keihin-Tohoku Line (สีฟ้า) ลงสถานี Tokyo ทางออก Marunouchi Central Exit

 

Gundam Cafe6

Gundam Cafe & Bar เปิดเป็นที่แรกที่ Akihabara ให้บริการของว่าง ของคาว ของหวาน และเครื่องดื่มที่สร้างสรรค์ขึ้นมาในตีมกันดั้ม เพื่อเอาใจสาวกการ์ตูนดังเรื่องนี้โดยเฉพาะ ทั้งการตกแต่งร้านด้วยหุ่นยนต์และตกแต่งหน้าตาอาหารและเครื่องดื่มในสไตล์กันดั่ม ทำให้ร้านนี้กลายเป็นตำนานคู่โตเกียวที่ใครไปเที่ยวแล้วเป็นต้องแวะไปลอง

Gundam Café10

Gundam Café3

 

หลังจากประสบความสำเร็จจากสาขาแรก ที่มีลูกค้ามาต่อคิวรอใช้บริการ ทำให้เกิด Gundam Cafe สาขาที่สองขึ้น คือ Gundam Cafe & Shop @Odaiba Diver City Plaza ที่มี singnature เป็นเจ้าหุ่นกันดั้มตัวเท่าขนาดจริงยื่นเด่นอยู่หน้าห่างกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตติดอันดับไปในพริบตา

แห่งที่สามที่เปิดมาเอาใจสาวกกันดั่มคือ Gundam Cafe @Tokyo Station อยู่ในพื้นที่ First Avenue Area ที่บริการอาหารและเครื่องดื่มเหมือนอีกสองสาขา

สาวๆ Gundam Ladies ที่รอต้อนรับลูกค้า

Gundam Café4

 

รูปด้านในร้านที่สาขา Akihabara

IMG_0355

 

Gundam Café1

มุมแคชเชียร์

Gundam Café11

เมนูอาหารเหมือนกำลังอ่านการ์ตูนอยู่เลย
Gundam Cafe7

อาหารที่สั่งมาหน้าตาจะเป็นหุ่นยนต์ทั้งหมด

Gundam Cafe10 Gundam Cafe9 Gundam Cafe8

รวมถึงฟองนมด้วย

Gundam Cafe5

Gundam Cafe & Shop @Odaiba Diver City Plaza

ย้ายไปที่ Gundam Cafe & Shop ที่ Odaiba กันดั้มตัวนี้เป็น First Gundam หรือ RX-78-2 ขนาดเท่าของจริง (ภาษาพลาโมเรียก 1/1) ตั้งอยู่ที่หน้าห้าง DiverCity เจ้าตัวนี้ไม่ได้ยืนอยู่เฉยๆ แต่มันสามารถหันหัวไปมา โชว์แสงสีเสียงและปล่อยควันได้

Gundam Café2  Gundam Café

Gundam1

Gundam2 Gundam3

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Gundam Cafe & Bar @Akihabara

วิธีเดินทาง สถานี JR Akihabara ออกทาง Electric Town Exit  (1 นาที)
เปิดบริการทุกวัน

20100709_english_10

GundamCafe13

 

Gundam Cafe & Shop @Odaiba Diver City Plaza

นั่งรถไฟมาที่ Daiba แล้วเดินต่อมาทาง Fuji TV จนถึง DiverCity

Gundam Front Tokyo

Photo credit: Kamonon Khinimarn

ตามถนนหนทางในกรุงโตเกียวจะเห็นดอกซากุระทยอยบานเป็นสีชมพูสวยงามไปทั้งเมือง ภาพเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2014 โดยคุณ Kamonon Khinimarn ที่เอื้อเฟื้อภาพดอกซากุระสวยๆ ให้ทางทีมงาน “รู้จริงญี่ปุ่น” เพื่อนๆ อย่าลืมวางแผนไปชมซากุระปีนี้กันนะคะ

อ่าน สถานที่ชมซากุระยอดฮิตของกรุงโตเกียว  และเช็ค ปฏิทินเทศกาลดอกซากุระบานประจำปี 2014 เพื่อประกอบการวางแผนเดินทาง

 

SakuraByM SakuraByM1 SakuraByM2