• https://www.personnel.cmarea3.go.th/financial/
  • https://financial.cmarea3.go.th/.well-known/acme-challenge/th/
  • - Part 7
    Ad
    Ad
    Ad
    Author

    admin

    Browsing

    เรื่องและภาพ โดย สวาเก้น

    Tokyo_21 Rokkusen  Shinjuku 02

    ยากินิคุเท โระคะเซง (Yakiniku-Tei Rokkasen) ร้านเนื้อย่างชื่อดังแห่งชินจูกุนี้เพิ่งจะขอบคุณลูกค้าผ่านหน้าเว็บไซต์ไปเมื่อกลางปี ค..2013 ในโอกาสที่ร้านเล็กๆ แต่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพแห่งนี้มีแขกแวะมาลองชิมความอร่อยไปแล้วทะลุกว่า 2 ล้าน 1 แสน คน เลยทีเดียวซึ่งหนึ่งในกลุ่มลูกค้าผู้แสนดีของร้านแห่งนี้นั้นก็คือคนไทยนี่เอง

    Tokyo_21 Rokkusen  Shinjuku 04

    ร้านเนื้อย่างระดับพรีเมี่ยมชื่อดังแห่งนี้นอกจากชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติแล้วที่นี่เขายังปลื้มกับลูกค้าชาวไทยเป็นพิเศษ ถึงขนาดว่าหน้าเว็บไซต์มีให้เลือกภาษาไทย, เมนูในร้านมีเวอร์ชั่นภาษาไทย, แถมพนักงานเสิร์ฟบางคนพูดภาษาไทยได้อีกด้วย นอกจากจะมีลูกค้าไทยแวะมาอุดหนุนกันเป็นจำนวนมากแล้ว ที่นี่ก็ยังเป็นแหล่งอาหารอร่อยที่มีเหล่าเซเลปจากเมืองไทยแวะมาลิ้มลองกันอีกมากมายหลายคน ทั้ง รมต. และแม้กระทั้งอดีตนายกรัฐมนตรี  ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จนทำให้คนไทยเรียกชื่อร้านนี้เป็นชื่อเล่นว่า ‘ร้านเนื้อย่างยิ่งลักษณ์’

    Tokyo_21 Rokkusen  Shinjuku 06

    ความพิเศษของความอร่อยที่นี่นั้นส่วนแรกก็อยู่ที่เนื้อคุณภาพชั้นดีตั้งแต่เนื้อวัว, เนื้อหมู, เนื้อไก่, เนื้อปลา, ไปจนถึงอาหารทะเลที่สดใหม่รสชาติเยี่ยม แต่สำหรับพระเอกของร้านที่ใครๆ ต่างก็ต้องแวะมาลองนั้นก็คือ เนื้อวัวมัตสึซากะ ที่เป็นเนื้อติดมันคุณภาพเยี่ยมส่งตรงมาจากร้านอาซาฮิ ที่เมืองทสึ จังหวัดมิเอะ แบบคัดพิเศษกันเลยทีเดียว (แนะนำว่าห้ามพลาด) ซึ่งเนื้อมัตสึซากะนั้นทั้งหวานทั้งนุ่มราวกับเนื้อที่ละลายในปากได้เลยเชียวล่ะ แล้วถ้าได้จิ้มกับซอสสูตรพิเศษอันถือเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นภาคภูมิใจของร้านแล้วล่ะก็ต้องบอกว่าอร่อยจนลืมโลกไปเลยทีเดียว

    Tokyo_21 Rokkusen  Shinjuku 05

    Tokyo_21 Rokkusen  Shinjuku 07

    มาแนะนำซอสเนื้อย่างสูตรพิเศษนี้กันบ้าง ซอสของโระคะเซงนี้ผลิตจากการหมักซีอิ้วนานเป็นเวลากว่า 2 ปี ของโคโตโยะโชยุ ในจังหวัดนิอิงาตะ ซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่สมัยเอโดะราวปี ค..1848 ผลิตซอสมากว่า 164 ปี แล้ว ความอร่อยที่เกิดจากการหมักบ่มในเวลาที่เหมาะสมนั้นทำให้ได้รสชาติที่มีความลุ่มลึกเฉพาะตัว ความพิเศษอีกอย่างก็คือเกลือที่ใช้หมักเนื้อย่างซึ่งที่นี่ใช้เกลือไซชินที่ผลิตขึ้นในบริเวณชายหาดชิโมเซกิโยชิโมะยาวไปจนถึงทะเลเกงไค ซึ่งทะเลในแหล่งนี้เต็มไปด้วยสาหร่ายและปลาหลากหลายชนิดมีแร่ธาตุและความอุดมสมบูรณ์สูง ทำให้ไดเกลือที่มีคุณภาพเยี่ยมเหมาะแก่การหมักเนื้อเป็นอย่างยิ่ง

    จะปิ้งย่าง จะชาบู จะสุกี้ หรือจะบุ๊ฟเฟ่ต์ รับรองว่าโออิชิแน่อน

    Tokyo_21 Rokkusen  Shinjuku 01

    ยากินิคุเท โระคะเซง (Yakiniku-Tei Rokkasen)

    ที่ตั้ง :ชั้น 6-7 อาคารซันฟลาวเวอร์ (Sunflower Building) 1-3-1 นิชิชินจูกุ, เขตชินจูกุ, โตเกียว

    เปิดปิด :ทุกวัน 11.00-05.00 . (มื้อเที่ยง 11.00-16.00 .)

    ราคา :เมนูยอดนิยมสำหรับคนไทยก็คือบุฟเฟ่ต์ ราคาเริ่มต้นที่ 6,500 เยน/คน,ถ้าทานเนื้อมัตสึซากะ 21,000 เยน/คน, บุฟเฟ่ต์มีเวลาให้ทาน 1 ชม. 30 นาที (เมนูอื่นๆ กรุณาดูรายละเอียดได้ในเว็บไซต์ได้อีกครั้งหนึ่ง)

    ติดต่อ : 0120-666-528 / www.rokkasen.co.jp(ควรโทรจองโต๊ะล่วงหน้า)

    วิธีเดินทาง :

    >วิธีที่ 1 :นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย M-Marunouchi Line (สีแดง) ลงสถานี M08-Shinjuku ทางออก A18 (Exit A18)

    >วิธีที่ 2 :นั่งรถไฟใต้ดินToei Line สาย S-Shinjuku Line (สายสีเขียวอ่อน), E-Oedo Lineลงสถานี S01/E01/E27-Shinjuku ทางออก A18 (Exit A18)

    >วิธีที่ 3 :นั่งรถไฟ JR สาย Yamanote Line (สายวงกลมสีเขียว), Chuo Line (สายสีเหลืองส้ม), Shonan-Shinjuku Line (สายสีเขียวเข้ม) ลงสถานี Shinjuku ทางออก West Ground Gate แล้วเลี้ยวไปทางซ้าย

    >วิธีที่ 4 : นั่งรถไฟ Seibu-Shinkuku Line ลงสถานี Shinkuku (สถานีต้นทาง) ออกทาง South Exit แล้วเดินเลี้ยวไปทางขวา

    หาตั๋วเครื่องบินราคาถูกคลิกที่นี่

    ชอบกด Like ใช่กด Share ^-^

    omotesando_hero

    Apple Store สาขา Omotesando กลางกรุงโตเกียว ที่เป็นสาขาใหม่ล่าสุด เปิดแล้ววันนี้ 13 June 2014 เป็นร้านที่จะกลายมาเป็นไอคอนแห่งใหม่ของโตเกียวเพราะมีสถาปัตยกรรมและดีไซน์ที่สวยงามมาก ตัวร้านเป็นอาคารสูงเท่าตึกหลายชั้นและเปิดเพดานโล่งหมด ด้านนอกติดกระจกขนาดยักษ์สูงถึงเพดานรอบสามด้านทำให้มองเห็นสินค้าและกิจกรรมข้างในได้ชัดเจน กลางร้านมีบันไดวนขนาดใหญ่วนไปด้านล่างที่เป็น Genius Bar ที่เป็นส่วนของ Tech Support และเป็นโซนของพวกอุปกรณ์เสริมต่างๆ

    คอนเซ็ปของ Apple Store สาขานี้จะเป็นสไตล์รักษ์โลก eco-friendly ด้วยการทำกำแพงด้านหลังไห้เป็น Green Curtain (ผนังต้นไม้) ทั้งแถบเพื่อมาช่วยลดอุณหภูมิในตัวตึกด้านใน ซึ่งกระแสออกแบบตัวตึกให้มี Green Curtain แบบนี้กำลังเป็นที่นิยมของอาคารหลายแห่งในโตเกียว

    สาขานี้จะอยู่ติดทางออกรถไฟใต้ดินเลย ทำให้เดินทางสะดวกมาก

    14405216302_bd4bca98ec_z 14406547825_419d00b1b7_z 14403190241_b94dbea381_z

    คลิปของทาง Apple ที่โชว์บรรยากาศการเตรียมเปิดร้าน

     

    วันและเวลาเปิดให้บริการ: ทุกวัน 10 a.m. – 9 p.m.
    วิธีเดินทาง:  Omotesando Station, Exit A2

     

    เรื่องและภาพ โดย สวาเก้น

    Tokyo_20 Tokyo Hands 05แรกเริ่มเดิมทีนั้น Tokyu Hands เป็นร้านขายข้าวของเครื่องใช้จิปาถะที่อยู่ในเครือข่ายของห้างใหญ่อย่าง Tokyu Group ซึ่งโลโก้และชื่อที่เป็นรูปมือนั้นก็คือการเน้นขายวัสดุต่างๆ สำหรับผู้ที่รักงานฝีมือในสไตล์ D.I.Y (Do-It-Yourself) นั่นเอง ซึ่งสินค้านั้นมีตั้งแต่ของกระจุกกระจิกสำหรับงานผู้หญิง ไปจนถึงงานไม้และเครื่องมือต่างๆ สำหรับผู้ชาย

    Tokyo_20 Tokyo Hands 01

    Tokyu Hands สาขาแรกก็คือสาขาชิบูย่า เปิดบริการครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.1976 และปัจจุบัน Tokyu Hands ก็ได้แผ่ขยายความนิยมไปทั่วประเทศ (รวมถึงที่ไต้หวันในชื่อ Hands Tailung อีกด้วย)

     

    Tokyo_20 Tokyo Hands 04

    Tokyo_20 Tokyo Hands 06Tokyo_20 Tokyo Hands 07

     

    สำหรับ Tokyu Hands ในยุคปัจจุบันนั้นนอกจากจะมีสินค้าวัสดุในหมวด D.I.Y เพิ่มมากขึ้นแล้ว ทางห้างก็ยังแทรกข้าวของเครื่องใช้อื่นๆ ที่คล้ายกับการเดินเข้าร้าน 100 เยน เข้าไปด้วย โดยเราสามารถช้อปได้ตั้งแต่เครื่องสำอาง, เครื่องครัว, ขนม, ของฝากของที่ระลึก, เครื่องเขียน, ไปจนถึงกระเป๋าแบรนด์เนมชื่อดังของญี่ปุ่นอย่างยี่ห้อ Porter ที่เป็นพันธมิตรพิเศษกับ Tokyu Hands อีกด้วย สำหรับสาขาใหญ่ที่แนะนำนั้นก็คือที่ชิบูยา และ ชินจูกุ ที่ยิ่งใหญ่และมีสินค้าครบครัน

    Tokyo_20 Tokyo Hands 03

    Tokyo_20 Tokyo Hands 08

    Tokyu Hands  / ชิบุยา (Shibuya)

    ที่ตั้ง : 12-18 Udagawa-Cho, เขตชิบุยา, โตเกียว

    ติดต่อ : shibuya.tokyu-hands.co.jp

    วิธีเดินทาง :

    >วิธีที่ 1 : นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย G-Ginza Line (สีเหลือทอง), สาย F-Fukutoshin Line (สีน้ำตาลแดง), สาย Z-Hanzomon Line (สีม่วง) ลงสถานี G01/F16/Z01-Shibuya

    >วิธีที่ 2 : นั่งรถไฟ JR สาย Yamanote Line (สายวงกลม-สีเขียว) ลงสถานี Shibuya

    >วิธีที่ 2 : นั่งรถไฟ Tokyu Line สาย Tokyu Den-en-toshi Line (DT), สาย Tokyo Toyoko Line (TY) ลงสถานี Shibuya (ต้นสาย)

     

    Tokyo_20 Tokyo Hands 02

     

    Tokyu Hands  / ชิจูกุ (Shinjuku)

    ที่ตั้ง : ชั้น 2-8 ตึก Times Square, เขตชินจูกุ, โตเกียว

    ติดต่อ : shinjuku.tokyu-hands.co.jp

    วิธีเดินทาง :

    >วิธีที่ 1 : นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย M-Marunouchi Line (สีแดง) ลงได้ทั้งสถานี M08-Shinjuku และ M09-Shinjuku Sanchome

    >วิธีที่ 2 : นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย F-Fukutoshin Line (สีน้ำตาลแดง) ลงสถานี F13-Shinjuku Sanchome

    >วิธีที่ 3 : นั่งรถไฟใต้ดิน Toei Line สาย E-Oedo Line (สีชมพู), สาย S-Shinjuku Line (สีเขียวอ่อน) ลงสถานี E01/E27/S01-Shinjuku (สาย S สามารถลงที่ S02-Shinjuku Sanchome ได้อีกด้วย)

    >วิธีที่ 4 : นั่งรถไฟ JR สาย Yamanote Line (สายวงกลม-สีเขียว) ลงสถานี Shinjuku

    >วิธีที่ 5 : นั่งรถไฟ Odakyu Line ลงสถานี Shinjuku (ต้นทาง)

     

    เรื่องและภาพ โดย สวาเก้น

    Tokyo_19 Tokyo City View 02 จุดชมวิวเมืองในมุมสูงนั้นดูจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของแทบทุกเมืองใหญ่ทั่วโลกซึ่งหลายๆ ตึกดังนั้นต่างก็มีชั้นชมวิวอยู่ด้านบน แล้วถ้าพูดถึงตึกสูงในโตเกียวที่มีชื่อเสียงในเรื่องนี้แล้วล่ะก็ต้องยกให้ตึก Roppongi Hills แห่งย่าน Roppongi ที่ว่ากันว่าเป็นจุดชมวิวในมุมสูงที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของโตเกียว

    Tokyo_19 Tokyo City View 07

    Tokyo_19 Tokyo City View 01

     

    Tokyo_19 Tokyo City View 04

    Tokyo City View เป็นจุดชมวิวที่ตั้งอยู่บนชั้น 52 ของตึก Roppongi Hills อันโด่งดังนั่นเอง ด้านล่างของตึกนั้นเป็นแหล่งช้อปปิ้งหรูหรามีระดับที่ทุกคนรู้จักกันเป็นอย่างดี ส่วนใครที่อยากชมวิวสวยๆ นั้นก็สามารถซื้อตั๋วขึ้นไปด้านบนได้ เมื่อถึงชั้นที่ 52 นั้นเราจะเห็นจุดชมวิวผ่านกระจกใสที่สูงราวตึก 2 ชั้น ให้เห็นวิวภายนอกได้อย่างสวยงามเต็มตา เราสามารถเดินชมวิวได้รอบถึง 360 องศา ระหว่างทางจะมีคาเฟ่ๆ เล็กๆ เก๋ๆ ให้เลือกชิลล์ หรือจะเป็นร้านอาหารที่เป็นจุดดินเนอร์ยอดฮิตที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของโตเกียว นอกจากนี้ยังมีร้านจำหน่ายของที่ระลึกเก๋ๆ อีกด้วย

    Tokyo_19 Tokyo City View 03

    ความพิเศษของชั้น 52 นี้มีอีกหนึ่งอย่างนั่นก็คือ MORI ART MUSUEM (www.mori.art.museum) ซึ่งถือว่าเป็นห้องแสดงนิทรรศการศิลปะชั้นนำของโตเกียวและเป็นอาร์ตแกลเลอร์รี่อยู่สูงที่สุดในโตเกียวอีกด้วย ซึ่งเราสามารถขึ้นบันไดไปยังชั้น 53 เพื่อเข้าสู่โซนแสดงนิทรรศการโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม สำหรับ MORI ART MUSUEM นั้นเป็นที่แสดงนิทรรศการศิลปะร่วมสมัยที่มีศิลปินชั้นนำของญี่ปุ่นไปจนกระทั่งศิลปินชั้นนำระดับโลกหมุนเวียนกันมาจัดแสดงงานที่นี่อย่างสม่ำเสมอ

    Tokyo_19 Tokyo City View 05 Tokyo_19 Tokyo City View 06

    สำหรับความพิเศษที่สุดของ Tokyo City View นั้นก็คือจุดชมวิวชั้น SKY DECK (ที่ต้องเสียเงินเพิ่ม/หรือซื้อรวมกับบัตรผ่านประตูครั้งแรกได้) ที่ต้องขึ้นไปด้านบนของชั้นดาดฟ้าหลังคาตึกในระดับความสูง 270 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ซึ่งตรงจุดนี้จะเป็นลานกว้างไว้จอดเฮลิคอปเตอร์และโดยรอบนั้นก็คือทางเดินเพื่อชมวิวเมืองในมุมสูงแบบ Open Air ไร้สิ่งขวางกันที่เราสามารถเห็นเมืองโตเกียวในมุมสูงได้ถึงเกือบ 360 องศาเลยทีเดียว นอกจากจะรับลมชมวิวแล้วนั้นด้านบนเขายังจัดที่นั่งไม้เล็กๆ ให้เราได้เพลิดเพลินกับการชมวิวชิลๆ ได้อีกด้วย ซึ่งมุมหนึ่งนั้นก็คือมุมยอดฮิตที่เราสามารถเห็นหอคอยโตเกียวได้อย่างใกล้ชิดและสวยงาม แถมยังเป็นมุมที่ช่างภาพนิยมเก็บภาพหอคอยโตเกียวกับเมืองสุดลูกหูลูกตามากที่สุดอีกด้วย หากใครไม่ได้พกกล้องไป ด้านบนนั้นเขาก็มีบริการถ่ายภาพคู่กับหอคอยโตเกียวอีกด้วย สำหรับวันที่ท้องฟ้าเปิดอากาศสดใสเมฆไม่มากนั้นเราสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิอันตระหง่านได้อีกด้วย และสำหรับเวลาดีที่นิยมกันมากที่สุดนั้นก็คือช่วงเย็นอันเป็นช่วงตะวันตกดิน ซึ่งเวลาที่ตะวันคล้อยนั้นบนชั้นนี้เป็นจุดชมวิวที่แสนโรแมนติกและสวยสุดยอดทีเดียว แถมเรายังสามารถชิลล์ๆ ไปถึงยามค่ำที่หลังตะวันลับขอบฟ้าแล้วเราก็จะเห็นวิวเมืองโตเกียวในยามค่ำคืนที่ประดับประดาไปด้วยแสงไฟระยิบระยิบมีชีวิตชีวาอันเป็นวิวเมืองในมุมสูงอีกอารมณ์ที่งดงามน่าประทับใจทีเดียว

    Tokyo_19 Tokyo City View 08 Tokyo_19 Tokyo City View 09

     

    Tokyo City View

    ที่ตั้ง : ชั้น 52 ตึก Roppongi Hills ย่านรอปปองหงิ, เขตมิตาโตะ, โตเกียว

    เปิด-ปิด (Tokyo City View) : จ.-พฤ., อา 10.00-23.00 น. / ศ.-ส., และคืนก่อนวันหยุดญี่ปุ่น 10.00-01.00 น.

    เปิด-ปิด (Sky Deck) : ทุกวัน 11.00-20.00 น. (และอาจปิดเมื่อสภาพอากาศเลวร้าย)

    ค่าบริการ (Tokyo City View) : ผู้ใหญ่ 1,500 เยน / นักเรียน (มัธยมปลาย-มหาวิทยาลัย) 1,000 เยน / เด็ก (4 ขวบ-มัธยมต้น) 500 เยน

    ค่าบริการ (Sky Deck) : ผู้ใหญ่-นักเรียน (มัธยมปลาย-มหาวิทยาลัย) 500 เยน / เด็ก (4 ขวบ-มัธยมต้น) 300 เยน

    ติดต่อ : www.roppongihills.com/tcv

    วิธีเดินทาง :

    >วิธีที่ 1 : นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย H-Hibiya Line (สีเทา) ลงสถานี H04-Roppongi ทางออก 1 (Exit 1)

    >วิธีที่ 2 : นั่งรถไฟใต้ดิน Toei Line สาย E-Oedo Line (สีชมพู) ลงสถานี E23-Roppongi ทางออก 1 (Exit 1)

     

    เรื่องและภาพ โดย สวาเก้น

    Tokyo_18 Shinjuku Overall 01

    ย่านที่ถือว่าเป็นศูนย์กลางเกือบแทบจะทุกอย่างของโตเกียวนั้นก็คือชินจูกุ (Shinjuku) นี่เอง เพราะนอกจากจะเป็นที่ตั้งของ The Metropolitan Government Office ที่ว่าการแห่งมหานครโตเกียวแล้ว ย่านนี้ยังเต็มไปด้วยบริษัทชื่อดังมากมายโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจการเงิน แต่สำหรับการรับรู้ของนักท่องเที่ยวและคนญี่ปุ่นทั่วไปนั้นย่านนี้ก็คือแหล่งบันเทิงยอดฮิตตลอดจนแหล่งช้อปปิ้งยอดเยี่ยมที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาหลากสีสันที่น่าสนุกทีเดียว

    Tokyo_18 Shinjuku Overall 04

    พามาแนะนำแหล่งช้อปกันก่อนดีกว่า โซนแรกนั้นเป็นแหล่งรวมของห้างช้อปปิ้งเก๋ๆ โดยเฉพาะสินค้าของเหล่าสาวๆ อินเทรนด์ซึ่งโซนนี้จะอยู่บริเวณสถานีรถไฟใหญ่ JR Shinjuku เลย ตั้งแต่ Lumine (www.lumine.ne.jp/shinjuku), Shinjuku Mylord (www.shinjuku-mylord.com), Shinjuku Terrace City แหล่งแฮงค์เอาท์กลางแจ้งเก๋ๆ ที่มีคาเฟ่น่านั่งพร้อมร้านน่าช้อปปิ้ง, หรือห้างใหญ่อันเก่าแก่และหรูหราอย่าง Takashimaya สาขาชินจูกุ ซึ่งห้างนี้ยังเป็นที่ตั้งของ Tokyu Hands ห้างสารพัดของขายโดยเฉพาะสินค้าในกลุ่ม D.I.Y ที่มีให้เลือกมากมาย และถือเป็น Tokyu Hands ที่ใหญ่ไม่แพ้สาขาชิบูยาเลยทีเดียว

    โซนช้อปปิ้งยอดฮิตอีกโซนนั้นอยู่ทางทิศตะวันออกของสถานีชินจูกุ ซึ่งบริเวณนี้จะเต็มไปด้วยห้างใหญ่เก่าแก่แต่ได้รับการดูแลอย่างดีและใส่กลิ่นอายความเก๋เท่ลงไปอยู่ตลอดเวลา ห้างเก่าแก่ยอดฮิตที่มีอายุกว่า 100 ปี นั้นก็ได้แก่ Isetan (www.isetan.co.jp) กับสาขาดั้งเดิมที่อยู่ในอาคารเก่าแก่สไตล์ยุโรป, Isetan men’s กับห้างแรกๆ ที่ฉีกตัวเปิดดีพาร์ทเมนต์โสตร์สำหรับผู้ชายโดยเฉพาะซึ่งกลายเป็นต้นแบบที่ฮิตมาจนถึงทุกวันนี้ และ Isetan men’s นั้นก็โด่งดังและเป็นที่นิยมขึ้นเรื่อง ภายในมีสิ้นค้าสำหรับผู้ชายที่คัดสรรมาเป็นพิเศษ คุณภาพเยี่ยม และไม่ตกเทรนด์, นอกจากนี้ก็ยังมีห้างเก่าแก่อีกห้างนั่นก็คือ 0101 (มารุอิ) (www.0101.co.jp) ซึ่งบริเวณนี้มีถึง 3 ห้างย่อยตั้งแต่ 0101 Shinjuku Marui Honkan อันเป็นฐานหลัก, 0101 Shinjuku Marui Men ที่เจาะกลุ่มตลาดผู้ชายโดยเฉพาะ, และ 0101 Shinjuku Marui Annex กับห้างใหม่ล่าสุดที่เก๋ตั้งแต่ตัวตึกภายนอก และภายในนั้นมีร้านค้าเท่ๆ เก๋ๆ สินค้าชิคๆ อยู่มากมาย

    Tokyo_18 Shinjuku Overall 05นอกจากจะช้อปปิ้งแฟชั่นกันแล้วที่นี่ก็ยังเป็นแหล่งซื้อหาเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ดังไม่ต่างจากย่าน Akihabara กันเลยทีเดียว ตั้งแต่ Big Camera (www.biccamera.co.jp) สาขาใหญ่โต, Ydobashi (www.yodobashi.com) สาขาใหญ่, หรือแม้แต่แหล่งช้อปปิ้งใหม่เก๋ยอดนิยมล่าสุดอย่าง BIGQLO ที่เกิดจากสองยักษ์ใหญ่รวมตัวกันได้แก่ Big Camera และ Uniqlo เปิดห้างใหม่อันโดดเด่นที่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าสารพัดรูปแบบผสมกับร้านจำหน่ายซื้อผ้าแฟชั่นยอดฮิตนั่นเอง

    Tokyo_18 Shinjuku Overall 02

    Tokyo_18 Shinjuku Overall 03

    ในชินจูกุนั้นยังมีห้างดังๆ เก๋ๆ ร้านเล็กๆ ชิคๆ ซ่อนตัวอยู่อีกเพียบ แต่สำหรับผู้ที่ชอบสีสันชีวิตชีวายามค่ำคืนนั้นไม่มีใครที่ไม่รู้จักย่านคาบูกิโชว (Kabukicho) แหล่งท่องราตรีอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น ตลอดตรอกซอกซอยเต็มไปด้วยร้านอาหารดีๆ, ร้านปาจิงโกะ, love hotels, และกิจกรรมบันเทิงอีกมากมาย แต่ถึงอย่างนั้นชินจูกุนี้ก็มีมุมธรรมชาติอันสวยงามไม่แพ้ที่อื่นเช่นกัน ถ้าหากเบื่อจากการช้อปปิ้งหรือท่องเที่ยวแหล่งบันเทิงแล้วล่ะก็เราสามารถปลีกตัวไปเที่ยว Shinjuku Gyeon หนึ่งในสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในโตเกียวซึ่งเต็มไปด้วยความร่มรื่น โดยเฉพาะช่วงที่ซากุระเบ่งบานนั้นที่นี่ถือเป็นหนึ่งแห่งยอดฮิตที่ผู้คนนิยมมาชมซากุระกันอีกด้วย

     Tokyo_18 Shinjuku Overall 06

    ชินจูกุ (Shinjuku)

    ที่ตั้ง : เขตชินจูกุ, โตเกียว

    วิธีเดินทาง :

    >วิธีที่ 1 : นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย M-Marunouchi Line (สีแดง) ลงได้ทั้งสถานี M08-Shinjuku และ M09-Shinjuku Sanchome

    >วิธีที่ 2 : นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย F-Fukutoshin Line (สีน้ำตาลแดง) ลงสถานี F13-Shinjuku Sanchome

    >วิธีที่ 3 : นั่งรถไฟใต้ดิน Toei Line สาย E-Oedo Line (สีชมพู), สาย S-Shinjuku Line (สีเขียวอ่อน) ลงสถานี E01/E27/S01-Shinjuku (สาย S สามารถลงที่ S02-Shinjuku Sanchome ได้อีกด้วย)

    >วิธีที่ 4 : นั่งรถไฟ JR สาย Yamanote Line (สายวงกลม-สีเขียว) ลงสถานี Shinjuku

    >วิธีที่ 5 : นั่งรถไฟ Odakyu Line ลงสถานี Shinjuku (ต้นทาง)

     

    เรื่องและภาพ โดย สวาเก้น

    Tokyo_17 Meiji Jingu Harajuku 01 Tokyo_17 Meiji Jingu Harajuku 02

    ทุกช่วงรอยต่อของปีชาวญี่ปุ่นจำนวนมากนิยมที่จะไปขอพรกันที่วัดหรือศาลเจ้าซึ่งถือเป็นความเชื่อว่าจะเป็นนิมิตหมายแห่งการเริ่มต้นปีใหม่ที่ดี และสำหรับสถานที่ยอดนิยมที่สุดของโตเกียว (และของญี่ปุ่น) นั้นก็คือศาลเจ้าเมจิแห่งนี้นี่เอง ซึ่งจะมีผู้คนจำนวนมากที่ทยอยมาสวดมนต์ขอพรกันตลอดทั้งวันทั้งคืนเลยทีเดียว

    Tokyo_17 Meiji Jingu Harajuku 05ศาลเจ้าเมจิ (Meiji Jingu / Meiji Shrine) นั้นสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์อุทิศถวายแด่สมเด็จพระจักรพรรดิเมจิ (Emperor Meiji) และพระจักรพรรดินีโซเค (Empress Shoken) ภายหลังจากที่ทั้งสองพระองค์นั้นสวรรคต ศาลเจ้าแห่งนี้สร้างเสร็จเมื่อปี ค.ศ.1920 โดยการร่วมมือของประชาชนทั่วญี่ปุ่นที่ช่วยกันบริจาคต้นไม้กว่า 100,000 ต้น เพื่อสร้างป่าแห่งนี้ขึ้น ศาลเจ้าเมจินั้นเป็นศาสนสถานในศาสนาชินโตอันเป็นศาสนาเก่าแก่และดั้งเดิมของญี่ปุ่น ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้นศาลเจ้าแห่งนี้ถูกทำลายอย่างหนัก ศาลเจ้าปัจจุบันนั้นได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ราวปี ค.ศ.1958 ด้วยงบประมาณที่เกิดจากการระดมทุนสาธารณะอีกครั้งนั่นเอง

    Tokyo_17 Meiji Jingu Harajuku 03

    Tokyo_17 Meiji Jingu Harajuku 06

    ในยุคปัจจุบันนั้นศาลเจ้าแห่งนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางป่าไม้อันร่มรื่นเขียวครึ้มท่ามกลางการโอบล้อมของตึกสูงระฟ้าและเมืองใหญ่อย่างย่านชินจูกุและชิบูย่า มีนักท่องเที่ยวแวะมาเยี่ยมเยือนกันตลอดทั้งปีแบบไม่ขาดสาย นอกจากจะเป็นศาลเจ้าที่คนนิยมมาสวดมนต์ขอพรในช่วงปีใหม่แล้ว ที่นี่ยังเป็นสถานที่แต่งงานตามแบบประเพณีญี่ปุ่นโบราณที่คู่บ่าวสาวนิยมมาจัดงานกันอีกด้วย ซึ่งเราสามารถเห็นประเพณีเก่าแก่อันทรงคุณค่านี้ได้เสมอๆ ในคราวที่มาเยือนวัดแห่งนี้

    Tokyo_17 Meiji Jingu Harajuku 04

    Tokyo_17 Meiji Jingu Harajuku 07

    นอกจากนี้กิจกรรมที่เป็นที่นิยมทั้งคนญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวก็คือการขอพรบนแผ่นไม้ที่เรียกว่า อิมะ (Ema) ซึ่งจะเป็นแผ่นไม้เล็กๆ (แผ่นละ 500 เยน) ให้เราเขียนขอพรต่างๆ ลงไปในนั้น อธิษฐานเสร็จแล้วก็ให้นำไปแขวนไว้โดยรอบต้นไม้ใหญ่ที่จัดไว้ให้นั่นเอง ซึ่งเราจะเห็นได้ตั้งแต่ภาษาญี่ปุ่น, ภาษาอังกฤษ, ภาษาเกาหลี, หรือว่าแม้แต่ภาษาไทย

    Tokyo_17 Meiji Jingu Harajuku 08

     Tokyo_17 Meiji Jingu Harajuku 09

    Meiji Jingu, Harajuku

    ที่ตั้ง : ย่านฮาราจูกุ, เขตชิบูย่า, โตเกียว

    เปิด-ปิด : ทุกวัน 05.00-18.00 น. (เวลาโดยเฉลี่ย / โปรดเช็คเวลาที่แน่นอนของแต่ละเดือนอีกครั้งหนึ่ง) / สำหรับวันที่ 31 ธ.ค. ของทุกปี เปิดตลอด 24 ชม.

    ติดต่อ/ข้อมูล : www.meijijingu.or.jp/english

    วิธีเดินทาง :

    >วิธีที่ 1 : นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย C-Chiyoda Line (สีเขียวเข้ม) / สาย F-Fukotoshin Line (สีน้ำตาลทอง) ลงสถานี C03/F15-Meiji-Jingumae ทางออก 2

    >วิธีที่ 2 : นั่งรถไฟ JR สาย Yamanote Line (สายวงกลม-สีเขียว) ลงสถานี Harajuku ทางออก Omote-sando Exit

     

    Imperial Palace East Gardens ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เปิดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยงเข้าชมได้ฟรีตลอดทั้งปี (ยกเว้นวันจันทร์, วันศุกร์, และตามประกาศของรางวัง) เป็นสวนสไตล์ญี่ปุ่นที่จัดไว้อย่างสวยงาม และเป็นสถานที่ตั้งดั่งเดิมของปราสาทเอโดะ นักท่องเที่ยวยังสามารถเห็นซากรากฐานของตัวปราสาทเดิมได้

    วันไหนอากาศดีสวนนี้จะมีพนักงานออฟฟิสมาเดินเล่น และนั่งเล่นทานอาหารกลางวันกันพร้อมกับผ่อนคลายจากงานระหว่างวันด้วยการชมดอกไม้สวยๆ และบรรยากาศสดชื่นของสวนสีเขียวและทะเลสาบใส

    อ่านวิธีเดินทางไป Imperial Palace ได้ที่นี่

    A_IMG_2382 A_IMG_2383 A_IMG_2385 A_IMG_2391 A_IMG_2394 A_IMG_2395 A_IMG_2396 A_IMG_2397 A_IMG_2398 A_IMG_2399