Ad
Ad
Ad
Tag

ช้อปปิ้งโตเกียว

Browsing

เรื่องและภาพ โดย สวาเก้น

Tokyo_20 Tokyo Hands 05แรกเริ่มเดิมทีนั้น Tokyu Hands เป็นร้านขายข้าวของเครื่องใช้จิปาถะที่อยู่ในเครือข่ายของห้างใหญ่อย่าง Tokyu Group ซึ่งโลโก้และชื่อที่เป็นรูปมือนั้นก็คือการเน้นขายวัสดุต่างๆ สำหรับผู้ที่รักงานฝีมือในสไตล์ D.I.Y (Do-It-Yourself) นั่นเอง ซึ่งสินค้านั้นมีตั้งแต่ของกระจุกกระจิกสำหรับงานผู้หญิง ไปจนถึงงานไม้และเครื่องมือต่างๆ สำหรับผู้ชาย

Tokyo_20 Tokyo Hands 01

Tokyu Hands สาขาแรกก็คือสาขาชิบูย่า เปิดบริการครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.1976 และปัจจุบัน Tokyu Hands ก็ได้แผ่ขยายความนิยมไปทั่วประเทศ (รวมถึงที่ไต้หวันในชื่อ Hands Tailung อีกด้วย)

 

Tokyo_20 Tokyo Hands 04

Tokyo_20 Tokyo Hands 06Tokyo_20 Tokyo Hands 07

 

สำหรับ Tokyu Hands ในยุคปัจจุบันนั้นนอกจากจะมีสินค้าวัสดุในหมวด D.I.Y เพิ่มมากขึ้นแล้ว ทางห้างก็ยังแทรกข้าวของเครื่องใช้อื่นๆ ที่คล้ายกับการเดินเข้าร้าน 100 เยน เข้าไปด้วย โดยเราสามารถช้อปได้ตั้งแต่เครื่องสำอาง, เครื่องครัว, ขนม, ของฝากของที่ระลึก, เครื่องเขียน, ไปจนถึงกระเป๋าแบรนด์เนมชื่อดังของญี่ปุ่นอย่างยี่ห้อ Porter ที่เป็นพันธมิตรพิเศษกับ Tokyu Hands อีกด้วย สำหรับสาขาใหญ่ที่แนะนำนั้นก็คือที่ชิบูยา และ ชินจูกุ ที่ยิ่งใหญ่และมีสินค้าครบครัน

Tokyo_20 Tokyo Hands 03

Tokyo_20 Tokyo Hands 08

Tokyu Hands  / ชิบุยา (Shibuya)

ที่ตั้ง : 12-18 Udagawa-Cho, เขตชิบุยา, โตเกียว

ติดต่อ : shibuya.tokyu-hands.co.jp

วิธีเดินทาง :

>วิธีที่ 1 : นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย G-Ginza Line (สีเหลือทอง), สาย F-Fukutoshin Line (สีน้ำตาลแดง), สาย Z-Hanzomon Line (สีม่วง) ลงสถานี G01/F16/Z01-Shibuya

>วิธีที่ 2 : นั่งรถไฟ JR สาย Yamanote Line (สายวงกลม-สีเขียว) ลงสถานี Shibuya

>วิธีที่ 2 : นั่งรถไฟ Tokyu Line สาย Tokyu Den-en-toshi Line (DT), สาย Tokyo Toyoko Line (TY) ลงสถานี Shibuya (ต้นสาย)

 

Tokyo_20 Tokyo Hands 02

 

Tokyu Hands  / ชิจูกุ (Shinjuku)

ที่ตั้ง : ชั้น 2-8 ตึก Times Square, เขตชินจูกุ, โตเกียว

ติดต่อ : shinjuku.tokyu-hands.co.jp

วิธีเดินทาง :

>วิธีที่ 1 : นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย M-Marunouchi Line (สีแดง) ลงได้ทั้งสถานี M08-Shinjuku และ M09-Shinjuku Sanchome

>วิธีที่ 2 : นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย F-Fukutoshin Line (สีน้ำตาลแดง) ลงสถานี F13-Shinjuku Sanchome

>วิธีที่ 3 : นั่งรถไฟใต้ดิน Toei Line สาย E-Oedo Line (สีชมพู), สาย S-Shinjuku Line (สีเขียวอ่อน) ลงสถานี E01/E27/S01-Shinjuku (สาย S สามารถลงที่ S02-Shinjuku Sanchome ได้อีกด้วย)

>วิธีที่ 4 : นั่งรถไฟ JR สาย Yamanote Line (สายวงกลม-สีเขียว) ลงสถานี Shinjuku

>วิธีที่ 5 : นั่งรถไฟ Odakyu Line ลงสถานี Shinjuku (ต้นทาง)

 

หาตั๋วเครื่องบินราคาถูกคลิกที่นี่

ชอบกด Like ใช่กด Share ^-^

เรื่องและภาพ โดย สวาเก้น

Tokyo_18 Shinjuku Overall 01

ย่านที่ถือว่าเป็นศูนย์กลางเกือบแทบจะทุกอย่างของโตเกียวนั้นก็คือชินจูกุ (Shinjuku) นี่เอง เพราะนอกจากจะเป็นที่ตั้งของ The Metropolitan Government Office ที่ว่าการแห่งมหานครโตเกียวแล้ว ย่านนี้ยังเต็มไปด้วยบริษัทชื่อดังมากมายโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจการเงิน แต่สำหรับการรับรู้ของนักท่องเที่ยวและคนญี่ปุ่นทั่วไปนั้นย่านนี้ก็คือแหล่งบันเทิงยอดฮิตตลอดจนแหล่งช้อปปิ้งยอดเยี่ยมที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาหลากสีสันที่น่าสนุกทีเดียว

Tokyo_18 Shinjuku Overall 04

พามาแนะนำแหล่งช้อปกันก่อนดีกว่า โซนแรกนั้นเป็นแหล่งรวมของห้างช้อปปิ้งเก๋ๆ โดยเฉพาะสินค้าของเหล่าสาวๆ อินเทรนด์ซึ่งโซนนี้จะอยู่บริเวณสถานีรถไฟใหญ่ JR Shinjuku เลย ตั้งแต่ Lumine (www.lumine.ne.jp/shinjuku), Shinjuku Mylord (www.shinjuku-mylord.com), Shinjuku Terrace City แหล่งแฮงค์เอาท์กลางแจ้งเก๋ๆ ที่มีคาเฟ่น่านั่งพร้อมร้านน่าช้อปปิ้ง, หรือห้างใหญ่อันเก่าแก่และหรูหราอย่าง Takashimaya สาขาชินจูกุ ซึ่งห้างนี้ยังเป็นที่ตั้งของ Tokyu Hands ห้างสารพัดของขายโดยเฉพาะสินค้าในกลุ่ม D.I.Y ที่มีให้เลือกมากมาย และถือเป็น Tokyu Hands ที่ใหญ่ไม่แพ้สาขาชิบูยาเลยทีเดียว

โซนช้อปปิ้งยอดฮิตอีกโซนนั้นอยู่ทางทิศตะวันออกของสถานีชินจูกุ ซึ่งบริเวณนี้จะเต็มไปด้วยห้างใหญ่เก่าแก่แต่ได้รับการดูแลอย่างดีและใส่กลิ่นอายความเก๋เท่ลงไปอยู่ตลอดเวลา ห้างเก่าแก่ยอดฮิตที่มีอายุกว่า 100 ปี นั้นก็ได้แก่ Isetan (www.isetan.co.jp) กับสาขาดั้งเดิมที่อยู่ในอาคารเก่าแก่สไตล์ยุโรป, Isetan men’s กับห้างแรกๆ ที่ฉีกตัวเปิดดีพาร์ทเมนต์โสตร์สำหรับผู้ชายโดยเฉพาะซึ่งกลายเป็นต้นแบบที่ฮิตมาจนถึงทุกวันนี้ และ Isetan men’s นั้นก็โด่งดังและเป็นที่นิยมขึ้นเรื่อง ภายในมีสิ้นค้าสำหรับผู้ชายที่คัดสรรมาเป็นพิเศษ คุณภาพเยี่ยม และไม่ตกเทรนด์, นอกจากนี้ก็ยังมีห้างเก่าแก่อีกห้างนั่นก็คือ 0101 (มารุอิ) (www.0101.co.jp) ซึ่งบริเวณนี้มีถึง 3 ห้างย่อยตั้งแต่ 0101 Shinjuku Marui Honkan อันเป็นฐานหลัก, 0101 Shinjuku Marui Men ที่เจาะกลุ่มตลาดผู้ชายโดยเฉพาะ, และ 0101 Shinjuku Marui Annex กับห้างใหม่ล่าสุดที่เก๋ตั้งแต่ตัวตึกภายนอก และภายในนั้นมีร้านค้าเท่ๆ เก๋ๆ สินค้าชิคๆ อยู่มากมาย

Tokyo_18 Shinjuku Overall 05นอกจากจะช้อปปิ้งแฟชั่นกันแล้วที่นี่ก็ยังเป็นแหล่งซื้อหาเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ดังไม่ต่างจากย่าน Akihabara กันเลยทีเดียว ตั้งแต่ Big Camera (www.biccamera.co.jp) สาขาใหญ่โต, Ydobashi (www.yodobashi.com) สาขาใหญ่, หรือแม้แต่แหล่งช้อปปิ้งใหม่เก๋ยอดนิยมล่าสุดอย่าง BIGQLO ที่เกิดจากสองยักษ์ใหญ่รวมตัวกันได้แก่ Big Camera และ Uniqlo เปิดห้างใหม่อันโดดเด่นที่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าสารพัดรูปแบบผสมกับร้านจำหน่ายซื้อผ้าแฟชั่นยอดฮิตนั่นเอง

Tokyo_18 Shinjuku Overall 02

Tokyo_18 Shinjuku Overall 03

ในชินจูกุนั้นยังมีห้างดังๆ เก๋ๆ ร้านเล็กๆ ชิคๆ ซ่อนตัวอยู่อีกเพียบ แต่สำหรับผู้ที่ชอบสีสันชีวิตชีวายามค่ำคืนนั้นไม่มีใครที่ไม่รู้จักย่านคาบูกิโชว (Kabukicho) แหล่งท่องราตรีอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น ตลอดตรอกซอกซอยเต็มไปด้วยร้านอาหารดีๆ, ร้านปาจิงโกะ, love hotels, และกิจกรรมบันเทิงอีกมากมาย แต่ถึงอย่างนั้นชินจูกุนี้ก็มีมุมธรรมชาติอันสวยงามไม่แพ้ที่อื่นเช่นกัน ถ้าหากเบื่อจากการช้อปปิ้งหรือท่องเที่ยวแหล่งบันเทิงแล้วล่ะก็เราสามารถปลีกตัวไปเที่ยว Shinjuku Gyeon หนึ่งในสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในโตเกียวซึ่งเต็มไปด้วยความร่มรื่น โดยเฉพาะช่วงที่ซากุระเบ่งบานนั้นที่นี่ถือเป็นหนึ่งแห่งยอดฮิตที่ผู้คนนิยมมาชมซากุระกันอีกด้วย

 Tokyo_18 Shinjuku Overall 06

ชินจูกุ (Shinjuku)

ที่ตั้ง : เขตชินจูกุ, โตเกียว

วิธีเดินทาง :

>วิธีที่ 1 : นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย M-Marunouchi Line (สีแดง) ลงได้ทั้งสถานี M08-Shinjuku และ M09-Shinjuku Sanchome

>วิธีที่ 2 : นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย F-Fukutoshin Line (สีน้ำตาลแดง) ลงสถานี F13-Shinjuku Sanchome

>วิธีที่ 3 : นั่งรถไฟใต้ดิน Toei Line สาย E-Oedo Line (สีชมพู), สาย S-Shinjuku Line (สีเขียวอ่อน) ลงสถานี E01/E27/S01-Shinjuku (สาย S สามารถลงที่ S02-Shinjuku Sanchome ได้อีกด้วย)

>วิธีที่ 4 : นั่งรถไฟ JR สาย Yamanote Line (สายวงกลม-สีเขียว) ลงสถานี Shinjuku

>วิธีที่ 5 : นั่งรถไฟ Odakyu Line ลงสถานี Shinjuku (ต้นทาง)

 

เรื่องและภาพ โดย สวาเก้น

Tokyo_16 Shibuya Overall 03

ชิบูย่า (Shibuya) นั้นได้รับฉายาว่าเป็น Shopping District แห่งโตเกียว และของญี่ปุ่น ที่ผู้คนทั่วโลกรู้จักกันเป็นอย่างดี นอกจากนี้ก็ยังเป็นแหล่งรวมของความบันเทิงหลากหลายชนิด, แฟชั่นเก๋ๆ ใหม่ๆ ที่อัพเดทตลอดเวลา, คาเฟ่เก๋ๆ ที่ชวนแฮงค์เอาท์อย่างยิ่ง, ไปจนถึงร้านอาหารอร่อยๆ ที่แทรกตัวอยู่มากมาย

Tokyo_16 Shibuya Overall 02

Tokyo_16 Shibuya Overall 01

แต่แน่นอนว่ากิจกรรมหลักของผู้คนที่มุ่งมาย่านนี้ก็คือซอกแซกตามซอกซอยและเข้าห้างต่างๆ เพื่อช้อปปิ้งอย่างจุใจ แหล่งช้อปปิ้งแรกที่เป็นขวัญใจสาวๆ ทุกยุคทุกสมัยแล้วก็ถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญของย่านนี้นั่นก็คือ Shibuya 109 (www.shibuya109.jp) ที่ตลอดทั้งตึกนั้นเต็มไปด้วยร้านรวงเก๋ๆ ขวัญใจสาวนักช้อปมากมาย ปัจจุบันมีตึกสำหรับผู้ชาย 109 Men (www.109mens.jp) ที่มีของเท่ๆ เก๋ๆ เฉพาะสุภาพบุรุษให้ช้อปกันด้วย, ตึกต่อมานั้นเป็นตึกสารพัดของใช้อย่าง Tokyu Hands (shibuya.tokyu-hands.co.jp) ที่ถือว่าเป็นสาขาที่ใหญ่ที่สุดและมีของสาระพัดรูปแบบให้เลือกมากที่สุดตั้งแต่แฟชั่นยันของใช้เลยทีเดียว, อีกตึกที่ดูจะมีแต่แบรนด์เก๋ๆ ร้านเท่ๆ ที่ให้ช้อปได้ทั้งชายหญิงก็คือ PARCO (shibuya.parco.jp) ที่นอกจะจะแต่งห้างให้น่าเดินแล้ว ร้านต่างๆ ยังมีของให้ช้อปที่คัดสรรมาเป็นพิเศษอีกด้วย โดยเฉพาะแบรนด์ดังหลายๆ ร้านที่ไม่เหมือนที่ไหน, นอกจากนี้ก็ยังมี Loft (www.loft.co.jp/shoplist/shibuya) สาขาชิบูย่าที่เต็มไปด้วยของเก๋ๆ มากมาย, หรือ Francfranc (www.francfranc.com) ที่ขายของคล้ายๆ Loft ที่เรียบง่ายแต่มีสีสัน เน้นการใช้งานมากกว่าแฟชั่น, นอกจากนั้นก็แนะนำให้ซอกแซกซอกซอนตามซอยและตามถนนที่จะเต็มไปด้วยร้านค้าแบรนด์ดังมากมาย อาทิ Uniqlo, United Arrow, Batting Ape, Journal Stand ไปจนกระทั่งร้านรองเท้ายอดนิยมอย่าง ABC นั่นเอง

Tokyo_16 Shibuya Overall 04

สีสันของชิบูย่านั้นไม่เคยหลับใหล นี่จึงเป็นแหล่งเอ็นเตอร์เทนของโลกแห่งหนึ่งเลยทีเดียว โดยเฉพาะด้านเสียงเพลงซึ่งที่นี่เป็นที่ตั้งของ Entertainment Complex หลายเจ้า ตั้งแต่เจ้าตลาดชื่อดังอย่าง Tower Record ที่มีตึกจำหน่าย Music Lifestyle เป็นของตัวเอง, หรือแม้แต่ตึก HMV Shibuya อาณาจักรเพลงทั่วโลกอันเก่าแก่และยิ่งใหญ่ประจำย่าน, ไปจนถึงตึกโด่งดังอย่าง Q-FRONT ที่เป็นฐานที่มั่นของ TSUTAYA แถมยังเป็นที่ตั้งของ Starbucks สาขายอดฮิตที่เราสามารถเฝ้ามองการเคลื่อนไหวของสี่แยกที่วุ่นวายที่สุดในโลกได้อย่างสุขใจ

Tokyo_16 Shibuya Overall 05

พูดถึงสี่แยกที่วุ่นวายที่สุดในโลกนั้นก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ยอดนิยมที่ใครๆ ก็ต้องแวะมา ซึ่งแยกที่ว่านี้ก็คือ Hachiko Square ที่มีผู้คนพลุกพล่านข้ามถนนกันแทบจะ 24 ชม. เลยทีเดียว แล้วพระเอกแห่งแยกนี้ก็หนีไม่พ้นรูปปั้นของ Hachiko สุนัขผู้ซื่อสัตย์อันโด่งดังของโลกซึ่งมีคนแวะเวียนมาถ่ายรูปคู่กับมันมากมาย และสำหรับพระเอกคนล่าสุดที่เพิ่งจะเปิดตัวไปเมื่อปี ค.ศ.2012 นั้นก็คือตึก Shibuya Hikarie ที่อยู่อีกฝั่งของความพลุกพล่าน ภายในเต็มไปด้วยร้านค้าเก๋ๆ เท่ๆ มากมายไม่แพ้ตัวตึกที่ดูสวยล้ำสมัย และตึกนี้เองคือตึกแรกที่เสร็จสมบูรณ์อันเป็นโฉมของภาพลักษณ์ใหม่แห่ง Shibuya Station ที่โตเกียวมีแผนจะปรับโฉมสถานีรถไฟและสิ่งแวดล้อมโดยรอบใหม่ (รวมไปถึงผุดตึกสำนักงานและแหล่งช้อปปิ้งล้ำๆ อีกหลายตึก) ที่คาดว่าหน้าตาของชิบูยาโฉมใหม่อันล้ำสมัยจะเสร็จราวๆ ปี 2020 เพื่อต้อนรับโอลิมปิก 2020 ที่โตเกียวเป็นเจ้าภาพนั่นเอง

Tokyo_16 Shibuya Overall 07

Tokyo_16 Shibuya Overall 06

 

ชิบูยา (Shibuya)

ที่ตั้ง : เขตชิบูยา, โตเกียว

วิธีเดินทาง :

>วิธีที่ 1 : นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย G-Ginza Line (สีเหลือทอง), สาย F-Fukutoshin Line (สีน้ำตาลแดง), สาย Z-Hanzomon Line (สีม่วง) ลงสถานี G01/F16/Z01-Shibuya

>วิธีที่ 2 : นั่งรถไฟ JR สาย Yamanote Line (สายวงกลม-สีเขียว) ลงสถานี Shibuya

>วิธีที่ 2 : นั่งรถไฟ Tokyu Line สาย Tokyu Den-en-toshi Line (DT), สาย Tokyo Toyoko Line (TY) ลงสถานี Shibuya (ต้นสาย)

 

เรื่องและภาพโดย สวาเก้น

Tokyo_15 Ginza Overall 01

ย่านกินซ่า กลางกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น นั้นถูกบันทึกไว้ว่าเป็นหนึ่งในแหล่งช้อปปิ้งอันหรูหรามีระดับมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก (one of the most luxurious shopping districts in the world) บริเวณโดยรอบย่านนั้นประกอบไปด้วยห้างสรรพสินค้าเก่าแก่ชื่อดัง (และไฮด์เอ็น) มากมาย แถมยังเป็นที่ตั้งของ Brand Name Shop & Flagship Store ของสินค้าพรีเมี่ยมระดับโลกอีกมากมาย แล้วก็ยังมีคาเฟ่เก๋ๆ ไปจนถึงคาเฟ่หรูหรา ตลอดจนร้านอาหารอร่อยๆ ในแบบฉบับญี่ปุ่นดั้งเดิมแท้ๆ ซ่อนตัวอยู่ในย่านนี้อีกมากมายด้วย

Tokyo_15 Ginza Overall 02 Tokyo_15 Ginza Overall 03 Tokyo_15 Ginza Overall 04

แหล่งช้อปปิ้งห้างดังเลื่องชื่อนั้นอันดับแรกเห็นจะเป็น Matsuya (www.matsuya.com/foreigner/en) สาขากินซ่าที่โดดเด่นด้วยตัวตึกที่มีกระจกล้อมรอบอันทันสมัยและเป็นหนึ่งในอาคารที่สะท้อนถึงย่านกินซ่าซึ่งปรากฏในภาพถ่ายทั่วโลก แถมยังเป็นสถานที่ที่คนนิยมมาถ่ายรูปในย่านกินซ่ามากที่สุดอีกด้วย ภายในห้างนั้นมีสินค้าคุณภาพสูงที่คัดสรรเป็นพิเศษมากมายเพื่อจับกลุ่มลูกค้าในตลาดบนโดยเฉพาะ, ตึกต่อมาที่ดังไม่แพ้กันก็คือ Ginza Wako (www.wako.co.jp) ที่ตั้งอยู่บนหัวถนนของสี่แยกกินซ่า ซึ่งจุดเด่นของอาคารนี้ก็คือความเก่าแก่คลาสสิกแบบห้างสไตล์ยุโรปที่มีเอกลักษณ์อยู่ตรงนาฬิกาด้านบน ห้างอันเก่าแก่นี้ยังคงอนุรักษ์ตึกไว้อย่างดีเยี่ยม แต่ภายในนั้นมีสินค้าระดับพรีเมี่ยมให้เลือกหลากหลายแบรนด์เช่นกัน แล้วตึกนี้ก็เป็นหนึ่งสัญลักษณ์แห่งกินซ่าที่ปรากฏไปทั่วโลกและมีคนนิยมมาถ่ายรูปไม่แพ้กันอีกด้วย

 

Tokyo_15 Ginza Overall 05 Tokyo_15 Ginza Overall 06

อีกห้างดังของย่านนี้ก็คือ Mitsukoshi (www.mitsukoshi.co.jp) ห้างเก่าแก่ประจำย่านที่มีสินค้าไฮด์เอ็นด์จำหน่ายมากมาย, แต่ถ้าหากเดินออกมาหน่อยก็จะพบอีกห้างที่ก็ขึ้นชื่ออย่าง Printemps (www.printemps-ginza.co.jp) ที่ไม่ได้เน้นตลาดไฮด์เอ็นด์นักแต่เน้นความเก๋เสียมากกว่า และที่นี่เองก็คือที่ตั้งของ Uniqlo Marche (www.uniqlo.com/marche) ที่ตั้งอยู่บนชั้น 6-7 ซึ่งถือเป็นร้านขายเสื้อผ้าแบบ multi-brand ร้านแรกในไลน์ Uniqlo ที่มีตั้งแต่แบรนด์ Uniqlo, GU, PLST, Comptoir des Cotonniers และ Princesse Tam Tam อ้อ! แล้วก็ต้องขอบอกว่า Uniqlo Marche นั้นเป็นแหล่งช้อปปิ้งของสาวๆ โดยเฉพาะ เพราะ 90% เป็นสิ้นค้าผู้หญิง

Tokyo_15 Ginza Overall 07

นอกจากนี้ที่นี่ก็ยังเป็นแหล่งรวบรวมช้อปของแบรนด์ดังมากมายตั้งแต่ Swarovski, Prada, Louis Vuitton, Chanel, Cartier, หรือตึกสุดเซ็กซี่อย่าง Abercrombie & Fitch, ร้าน Apple อันโดดเด่น, ไปจนถึง Uniqlo สาขาหลักสาขาใหญ่ที่จำหน่ายเสื้อผ้าที่แบรนด์ภายใต้ Uniqlo อีกด้วย

Tokyo_15 Ginza Overall 08 Tokyo_15 Ginza Overall 09

 

กินซ่า (Ginza)

ที่ตั้ง : เขตชูโอะ, โตเกียว

วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย M-Marunouchi Line (สีแดง), H-Hibiya Line (สีเทา), G-Ginza Line (สีเหลือง) ลงสถานี M16/H08/G09-Ginza

เรื่องและภาพ โดย สวาเก้น

Tokyo_11 Sendagi 01

วันนี้จะมาแนะนำ แหล่งเดินเที่ยว ดูวิถีชีวิตชุมชนชาวญี่ปุ่น ช้อปปิ้งและถ่ายรูปเก๋ๆ อีกแห่งในโตเกียว นั่นคือ “ย่านเซ็นดากิ (Sendagi)” 

ย่านเซ็นดากิ ถือเป็นหนึ่งในย่านเมืองเก่าเมืองเก๋ที่เรียกกันเป็นชื่อเล่นๆ ว่า Yanasen ซึ่งเป็นชื่อรวมกันของ 3 ย่านดังที่อยู่ภายในบริเวณติดๆ กันอันได้แก่ยานากะ (Yanaka), เนซุ (Nezu) และเซ็นดากิ (Sendagi)

Tokyo_11 Sendagi 03

สามย่านนี้อยู่ติดกับย่านดังอย่าง “อุเอโนะ” เพียงแค่ไม่กี่ก้าวเท่านั้นเอง

สำหรับเอกลักษณ์อันมีชื่อเสียงของย่านนั้นก็คือการเป็นย่านเมืองเก่า ที่รอดพ้นจากการทำลายจากการทิ้งระเบิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ฉะนั้นบ้านเรือนชุมชนเก่าแก่ในบริเวณนี้ยังมีอยู่มากมายที่เป็นตึกเก่าแก่ดั้งเดิมในสมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่สองที่ยังคงยืนหยัดอยู่จนถึงปัจจุบัน

Tokyo_11 Sendagi 04 Tokyo_11 Sendagi 05
แหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตของย่านเซ็นดากินั้นก็คือ Yanaka Ginza ซึ่งเป็นถนนสายเล็กๆ ที่มีโลเคชั่นสวยเก๋น่าเดิน บริเวณนี้เต็มไปด้วยร้านรวงเก๋ๆ มากมายตั้งแต่ร้านขายของจุกจิกน่ารัก, ร้านขายกระเป๋าแฮนด์เมดชื่อดัง, ร้านขายของทอดสุดอร่อยยอดฮิต, ร้านขายน้ำแข็งใสอันดับต้นๆ ของโตเกียว, ร้านขายของที่ระลึก, ร้านขนมโบราณ เป็นต้น แต่สำหรับจุดถ่ายรูปยอดฮิตที่สวยที่สุดนั้นเห็นจะเป็นบนเนินบันไดซึ่งตรงจุดนี้จะมองมาเห็นป้ายประจำโซนและตรอกซอยยอดฮิตอยู่ด้านล่างนั่นเอง ซึ่งตอนนี้มุมนี้กำลังทยอยปรากฏอยู่ในสื่อหลายๆ สื่ออีกด้วย

Tokyo_11 Sendagi 02

Tokyo_11 Sendagi 08

นอกจากนี้บริเวณโดยรอบยังเต็มไปด้วยบ้านเก่าแก่สวยงาม, พิพิธภัณฑ์ขนาดเล็ก, ร้านค้าแฮนด์เมดเก๋ๆ, คาเฟ่น่านั่งที่ซ่อนตัวอยู่หลายร้าน, ไปจนถึงขนมอร่อยๆ ในแบบโฮมเมดที่หอมกรุ่นทำสดใหม่ตลอดทั้งวัน

Tokyo_11 Sendagi 07

Tokyo_11 Sendagi 06

เซ็นดากิ

ที่ตั้ง : ย่านเซ็นดากิ, เขตบุนเกียว, โตเกียว

เปิด-ปิด : ทุกวัน 10.00-22.00 น. (เวลาโดยเฉลี่ย / การเปิด-ปิดของแต่ละร้านนั้นไม่เหมือนกัน)

วิธีเดินทาง :

>วิธีที่ 1 : นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย C-Chiyoda Line (สีเขียว) ลงสถานี C15-Sendagi ทางออก  2 (Exit 2) แล้วเดินตามถนนไปจนถึงร้าน Lawson เสร็จแล้วเดินข้ามถนนเลี้ยวขวาเข้าซอยที่เยื้องตรงข้ามฝั่งกับร้าน Lawson จนถึงสามแยก เสร็จแล้วเลี้ยวซ้ายเดินไปเรื่อยๆ อีกนิดจนเจอตรอกที่มีป้ายตลาดอยู่ด้านบน

>วิธีที่ 2 : นั่งรถไฟ JR Line สายวงกลม Yamanote Line (สีเขียว), สาย Keihin-Tohoku Line (สายสีฟ้า) ลงสถานี Nippori ออกทาง West Exit เสร็จแล้วเดินตามถนนขึ้นเนินไปเรื่อยๆ อีกนิดก็จะเจอกับป้ายโซน Yanaka Ginza

>วิธีที่ 3 : นั่งรถไฟสาย Keisei Line ลงสถานี Keisei-Nippori ออกทางเดียวกับวิธีที่ 2

 

 

 

เรื่องและภาพ โดย สวาเก้น

Tokyo_10 Ameyoko Street Ueno 01 Tokyo_10 Ameyoko Street Ueno 09

อะเมะโยโกะ (Ameyoko) ถนนสายช้อปปิ้งยอดฮิตแห่งย่านอุเอโนะ (Ueno) กลางโตเกียว  นี้ทอดยาวใต้แนวรางรถไฟตั้งแต่สถานี JR Ueno ไปจนถึงสถานี JR Okachimachi ที่อยู่ถัดไป ชื่อถนนสายนี้นั้นเป็นคำย่อที่มาจากคำว่า อะเมะยะ โยโกะโชว (Ameya Yokocho) ที่แปลกว่าตรอกร้านลูกกวาดอเมริกัน ซึ่งคำว่า อะเมะ เป็นคำเรียกที่ย่อมาจาก America แล้วที่เรียกอย่างนี้ก็เพราะว่าบริเวณนี้น่ะเมื่อก่อนเต็มไปด้วยร้านขายลูกวาดตลอดจนข้าวของที่มาจากอเมริกันหลังจากช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 นั่นเอง

Tokyo_10 Ameyoko Street Ueno 02 Tokyo_10 Ameyoko Street Ueno 05

ปัจจุบันอะเมะโยโกะนั้นเต็มไปด้วยร้านรวงสารพัดชนิดกว่า 400 ร้าน (ที่แทบไม่มีร้านลูกกวาดเหลือให้เห็นเลย) ซึ่งในย่านช้อปปิ้งแห่งนี้จะมีตั้งแต่ตลาดขายของแห้งไปจนถึงของสด, ร้านผลไม้, ร้านของกินอร่อยๆ หลากเมนู, แหล่งช้อปปิ้งแฟชั่นเก๋ๆ ไปจนถึงเสื้อผ้ามาตรฐานสำหรับผู้ใหญ่, ร้านขายเสื้อผ้าตลอดจนอุปกรณ์กีฬาราคาถูก, ร้านขายกระเป๋าตั้งแต่คุณภาพพอทน (สำหรับคนที่อยากได้กระเป๋าเพิ่มสำหรับขนของกลับ) ไปจนถึงกระเป๋าเก๋ๆ, แหล่งขายนาฬิกา, ร้านแบรนด์เนมมือสอง, ร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า, ร้านขายขนมของฝาก, ร้านปาจิงโกะ, โรงแรม, ห้างดังอย่าง 0101 (marui), ร้านรองเท้ายอดฮิตอย่าง ABC ที่มีกว่า 5 ร้านในย่านนี้, และอีกสารพัดอย่าง

Tokyo_10 Ameyoko Street Ueno 03 Tokyo_10 Ameyoko Street Ueno 04

อ้อ! แล้วก็ต้องขอบอกว่าใครที่อยากซื้อรองเท้าใส่ล่ะก็นี่เป็นแหล่งซื้อรองเท้าที่ดีที่สุดในโตเกียวเลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากจะมีร้านดังให้เลือกนับสิบร้าน มีแบรนด์รองเท้าดังๆ ครบ มีรุ่นใหม่ล่าสุดเหมือนๆ กับย่านอื่นๆ แล้ว ก็ยังมีร้านค้าย่อยๆ ที่อาจได้รองเท้าในแบบเดียวกันแต่ราคาถูกกว่า ไปจนถึงรองเท้าเก๋ตกรุ่นที่นำมาลดราคากันแบบถูกสุดๆ นั่นยังไม่นับรวมร้องเท้ากีฬาแบรนด์ดังต่างๆ ที่ขายในกระบะแบบราคาย่อมเยา และข้อดีที่ว่าแต่ละร้านนั้นอยู่ไม่ไกลกันนักเหมาะอย่างยิ่งที่จะเดินซอกแซกสืบราคาก่อนที่จะตัดสินใจซื้ออีกด้วย

Tokyo_10 Ameyoko Street Ueno 06 Tokyo_10 Ameyoko Street Ueno 07 Tokyo_10 Ameyoko Street Ueno 08

 

Ameyoko

ที่ตั้ง : สถานี JR Ueno ไปจนถึงสถานี JR Okachimachi, ย่านอุเอโนะ, เขตไทโตะ, โตเกียว

เปิด-ปิด : ทุกวัน 10.00-22.00 น. (เวลาโดยเฉลี่ย / การเปิดปิดขึ้นอยู่กับแต่ละร้านค้า / ร้านอาหาร, ร้านเกม, ร้านค้าบางประเภท อาจปิดดึกมากหรือเปิดตลอด 24 ชม.)

วิธีเดินทาง :

>วิธีที่ 1 : นั่งรถไฟ JR Line สายวงกลม Yamanote Line (สีเขียว), สาย Keihin-Tohoku Line (สายสีฟ้า) ลงสถานี Ueno หรือ Okachimachi / สำหรับสถานี Ueno ออกทาง Central Gate, สถานี Okachimachi ออกทาง North Exit

>วิธีที่ 2 : นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย G-Ginza Line (สีส้ม), H-Hibiya Line (สีเทา) ลงสถานี G16/H17-Ueno ทางออก 5a, 5b, 6 (Exit 5a, 5b, 6)

>วิธีที่ 3 : นั่งรถไฟใต้ดิน Toei Line สาย E-Oedo Line (สีชมพู) ลงสถานี E09-Ueno-okachimachi ทางออก A5, A7 (Exit A5, A7)

 

เรื่องและภาพโดย สวาเก้น

รู้จริงญี่ปุ่น_Tokyo_02 Takeshita Dori, Harajuku 01

ถ้าพูดถึงฮาราจูกุ (Harajiku) ทุกคนก็จะนึกถึงแหล่งช้อปปิ้งขวัญใจวัยรุ่นและแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตแห่งหนึ่งของโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น แต่ถ้าจะให้เจาะลึกถึงย่านนี้ ถนนสายช้อปปิ้งที่เป็นหน้าเป็นตาและถือว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งฮาราจูกุนั้นก็คือตรอกเล็กๆ อย่าง ทาเคชิตะ โดริ (Takeshita Dori) นี่เอง

รู้จริงญี่ปุ่น_Tokyo_02 Takeshita Dori, Harajuku 02

 

รู้จริงญี่ปุ่น_Tokyo_02 Takeshita Dori, Harajuku 03

ถนนสายช้อปปิ้งขวัญใจวัยรุ่นนี้เป็นถนนคนเดินที่เชื่อมระหว่างสถานี JR Harajuku Station กับถนนสายหลักอย่าง Meiji Dori ซึ่งตลอดสองข้างทางนั้นเต็มไปด้วยร้านค้าวัยรุ่นมากมาย ตั้งแต่ร้านเสื้อผ้าแฟชั่น ไปจนถึงอาหารการกินแสนอร่อย สิ่งที่มีชื่อเสียงอีกอย่างของย่านนี้ก็คือการแต่งตัวแฟชั่นแบบ Cosplay ตามการ์ตูนเรื่องต่างๆ นั่นเอง โดยเฉพาะในวันอาทิตย์ที่จะมีบรรดาวัยรุ่นมากมายมาแต่งตัวเดินในซอยแล้วก็มีแหล่งรวมแฟชั่นเก๋ๆ นี้กันอยู่บริเวณล้านกว้างตรงทางขึ้นวัด Meiji Jingu ข้างๆ สถานี JR Harajuku Station

 

รู้จริงญี่ปุ่น_Tokyo_02 Takeshita Dori, Harajuku 04 รู้จริงญี่ปุ่น_Tokyo_02 Takeshita Dori, Harajuku 07

ที่ห้ามพลาด! หากใครมาถึงฮาราจูกุแล้ว สิ่งหนึ่งที่ห้ามพลาดนั้นก็คือการแวะชิมเครปชื่อดังถือว่าเป็นเจ้าแรกๆ เลยก็ว่าได้ที่ทำให้เครปสไตล์ญี่ปุ่นโด่งดังไปทั่วโลก ซึ่งร้านเครปนี้จะตั้งอยู่กลางซอยเคชิตะ โดริ มีอยู่สองร้านที่เก่าแก่พอๆ กันตั้งประจันหน้า แต่ร้านที่มีชื่อเสียงมากที่สุดนั้นก็คือ MARION CREPES ที่ถือว่าเป็นร้านเครปสไตล์ญี่ปุ่นอันเก่าแก่ที่เปิดบริการมานานที่สุดในญี่ปุ่น ร้านนี้เปิดมาตั้งแต่ปี 1976 มีเครปอร่อยๆ ให้บริการกว่าหลายสิบเมนู ตัวแป้งนั้นนุ่มและอร่อยอย่างเต็มคำด้วยไส้ต่างๆ ที่ใส่อย่างทะลัก แถมครีมที่มีรสชาติหวานมันอร่อยเหาะ ทำให้เครปร้านนี้เป็นขวัญใจวัยรุ่นมาจนถึงทุกวันนี้ ถ้าหากอยากอินเทรนด์ล่ะก็แวะไปหน้าร้านลองเช็คดูว่าเครปหน้าไหนเป็นเครปยอดนิยม ซึ่งทางร้านจะทำการจัดอันดับไว้ให้เรารู้ที่เป็นการ Update ตลอดเวลา

รู้จริงญี่ปุ่น_Tokyo_02 Takeshita Dori, Harajuku 05 รู้จริงญี่ปุ่น_Tokyo_02 Takeshita Dori, Harajuku 06

 

ตรอกทาเคชิตะ โดริ (Takeshita Dori) / ฮาราจูกุ (Harajuku)

ที่ตั้ง : ย่านฮาราจูกุ, เขตชิบูย่า, โตเกียว

เปิด-ปิด : ทุกวัน 11.00-21.00 น. (เวลาโดยเฉลี่ย)

วิธีเดินทาง :

>วิธีที่ 1 : นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย C-Chiyoda Line (สีเขียวเข้ม) หรือ สาย F-Fukotoshin Line (สีน้ำตาลทอง) ลงสถานี C03/F15-Meiji-Jingumae ทางออก 3

>วิธีที่ 2 : นั่งรถไฟ JR สาย Yamanote Line (สายวงกลม-สีเขียว) ลงสถานี Harajuku