Ad
Ad
Ad
Tag

เที่ยวโตเกียว

Browsing

เรื่องและภาพ โดย สวาเก้น 

Tokyo_07 Sensoji Temple Asakusa 02

วัดเซนโซ (Sensoji) ที่หลายคนอาจเรียกว่าวัดเซนโซจิ หรือที่คนส่วนใหญ่มักเรียกกันจนติดปากว่าวัดอาซากุสะนั้น ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตและเป็นสัญลักษณ์สำคัญแห่งหนึ่งของโตเกียว ตัววัดนั้นตั้งอยู่ในย่านดังอย่างอาซากุสะ (Asakusa) ก็เลยเป็นที่มาของการเรียกชื่อวัดนี้ด้วยนั่นเอง ตามตำนานเล่าว่ามีชาวประมงได้พบรูปเคารพเจ้าแม่กวนอิม (Avalokitesvara) ในแม่น้ำสุมิดะที่อยู่ไม่ไกลนักราวปี ค.ศ.628 ภายหลังจากนั้นก็ได้มีการสร้างวัดขึ้นเพื่อประดิษฐานเจ้าแม่กวนอิมนี้ซึ่งวัดนี้สร้างเสร็จราวปี ค.ศ.645 ถือเป็นวัดพุทธที่เก่าแก่ที่สุดในโตเกียวเลยทีเดียว

Tokyo_07 Sensoji Temple Asakusa 03

 

Tokyo_07 Sensoji Temple Asakusa 01

จุดเด่นที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกรู้จักกันเป็นอย่างดี และต้องแวะมาถ่ายรูปกันแทบทุกคน ก็คือประตูทางเข้าด้านหน้า ประตูคามินาริมอน (Kaminarimon Gate) หรือที่แปลว่าประตูแห่งสายฟ้า (Thunder Gate) ทางด้านทิศใต้ของวัดซึ่งเป็นประตูขนาดใหญ่ที่มีโคมแดงขนาดยักษ์เป็นเอกลักษณ์นั่นเอง ประตูแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.941 แต่ทว่าถูกไฟเผาไหม้หลายครั้ง สำหรับประตูปัจจุบันนั้นสร้างขึ้นราวปี ค.ศ.1960 ประตูแห่งสายฟ้านี้มีเทพสองตนเฝ้าอยู่ด้านข้างนั่นก็คือเทพฟูจิน (เทพแห่งลม) และเทพไรจิน (เทพแห่งสายฟ้า) เฝ้าประตูอยู่ และจุดหัตศิลป์อันสำคัญอีกจุดที่ซ่อนอยู่นั้นก็คือบริเวณใต้โคมแดงที่จะเป็นไม้แกะสลักรูปมังกรอันประณีตงดงาม สำหรับตัววัดด้านในนั้นประกอบไปด้วย ประตูโฮโซมอน (Hozomon) ที่มีขนาดใหญ่สองชั้นและโคมแดงยักษ์, วิหารฮอนโด (Hondo main hall) อันเป็นศาสนสถานหลักของวัด, และเจดีย์ 5 ชั้น อันสวยงาม นอกจากจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตแล้วคนญี่ปุ่นก็ยังนิยมมาขอพรที่วัดนี้กันอีกด้วย

 Tokyo_07 Sensoji Temple Asakusa 04 Tokyo_07 Sensoji Temple Asakusa 05 Tokyo_07 Sensoji Temple Asakusa 06 

วัดเซนโซ (Sensoji)
ที่ตั้ง : ย่านอาซากุซะ, เขตไทโต๊ะ, โตเกียว

เปิด-ปิด : ทุกวัน 06.00-17.00 น. (บริเวณวัดสามารถเดินชมได้ตลอด 24 ชม.)

วิธีเดินทาง :

>วิธีที่ 1 : นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย G-Ginza Line (สีส้ม) ลงสถานี G19-Asakusa ทางออก 1, 3 (Exit 1, 3)

>วิธีที่ 2 : นั่งรถไฟใต้ดิน Toei Line สาย A-Asakusa Line (สีส้มแดง) ลงสถานี A18-Asakusa ทางออก A4 (Exit A4)

>วิธีที่ 3 : นั่งรถไฟสาย Tobu Skytree Line ลงสถานี TS01-Asakusa (ต้นทาง) ทางออกหลัก

Tokyo_07 Sensoji Temple Asakusa 07

หาตั๋วเครื่องบินราคาถูกคลิกที่นี่

ชอบกด Like ใช่กด Share ^-^

เรื่องและภาพโดย สวาเก้น

รู้จริงญี่ปุ่น_Tokyo_04 Tokyo Disney Resort 01

เชื่อว่าใครหลายคนที่มาเที่ยวโตเกียวนั้นอยากที่จะกลับไปเป็นเด็กกันทุกคน แล้วก็แน่นอนว่าประตูวิเศษที่จะพาเรากลับไปเป็นเด็กได้อย่างสนุกสนานนั้นก็คืออาณาจักรสวนสนุกระดับโลกอย่าง Tokyo Disney Resort นั่นเอง

รู้จริงญี่ปุ่น_Tokyo_04 Tokyo Disney Resort 03

โตเกียวดีสนีย์รีสอร์ท (Tokyo Disney Resort) หรือที่ทุกคนเรียกติดปากตามชื่อเดิมว่าโตเกียวดิสนีย์แลนด์ (Tokyo Disneyland) นั้นเป็นสวนสนุกภายใต้ลิขสิทธิ์ของบริษัทวอล์ทดิสนีย์ (The Walt Disney Company) ที่เปิดบริการครั้งแรกในปี 1983 และถือว่าเป็นสวนสนุกดิสนีย์แห่งแรกที่เปิดให้บริการนอกอเมริกาอีกด้วย ต่อมาในเดือนกันยายน ปี 2001 สวนสนุกแห่งนี้ก็ได้เปิดทำการสวนสนุกแห่งใหม่ใกล้ๆ กันโดยใช้ชื่อว่า TokyoDisneySea และทำธีมสวนสนุกเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอาณาจักรแห่งมหาสมุทร ซึ่งภายหลังจากนั้นอาณาจักรแห่งนี้ก็เลยเปลี่ยนชื่อเรียกโดยรวมว่า Tokyo Disney Resort นั่นเอง

รู้จริงญี่ปุ่น_Tokyo_04 Tokyo Disney Resort 07

โตเกียวดิสนีย์แลนด์ (Tokyo Disneyland) นั้นประกอบไปด้วยสวนสนุกอันเป็นโครงสร้างพื้นฐานเดียวกันกับสวนสนุก Disneyland ทั่วโลก โดยแบ่งเป็นโซนหลักๆ 7 โซน ได้แก่ โซน World Bazaar, โซน Adventureland, โซน Westernland, โซน Fantasyland, โซน Toontown, โซน Tomorrowland, โซน Critter Country และสัญลักษณ์อันเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นประจำสวนสนุก Disneyland ทั่วโลกนั้นก็คือปราสาทของเจ้าหญิงซินเดอร์เรลล่า (Cinderella Castle) ที่ตั้งอยู่ตรงกลางเชื่อมทุกโซนแล้วนี่ก็คือสัญลักษณ์ที่ใช้เป็นโลโก้ของดินแดนมหัศจรรย์อย่าง Disneyland อีกด้วย

รู้จริงญี่ปุ่น_Tokyo_04 Tokyo Disney Resort 02

โตเกียวดิสนีย์ซี (Tokyo DisneySea) นั้นเป็นสวนสนุกที่ฉีกแนวมาจากความแฟนตาซีขึ้นอีกนิด แล้วก็มีเครื่องเล่นที่หวาดเสียวขึ้นอีกหน่อย สำหรับธีมนั้นก็คืออาณาจักรมหาสมุทรที่จะมีทะเลจำลองเป็นสายน้ำเชื่อมถึงกันทุกพื้นที่ของสวนสนุก โดยแบ่งเป็นโซนหลักต่างๆ 7 โซน ได้แก่ โซน Mediterranean Harbor, โซน American Waterfront, โซน Port Discovery, โซน Last River Delta, โซน Arabian Coast, โซน Mermaid Lagoon, โซน Mysterious Island และมีสัญลักษณ์อันเป็นจุดเด่นอยู่กลางสวนสนุกนั่นก็คือภูเขาไฟขนาดยักษ์ที่จะมีการโชว์การระเบิดในยามค่ำคืนอีกด้วย

รู้จริงญี่ปุ่น_Tokyo_04 Tokyo Disney Resort 04

นอกจากเครื่องเล่นสนุกๆ มากมายที่สร้างจากธีมของตัวการ์ตูนตลอดจนหนังเรื่องต่างๆ ของดิสนีย์แล้ว การช้อปปิ้งของที่ระลึกต่างๆ ตลอดจนแวะทานร้านอาหารต่างๆ ที่สร้างสรรค์การตกแต่งร้านและเมนูที่มีคาร์แร็คเตอร์ต่างๆ เป็นแรงบันดาลใจนั้นก็ถือว่าเป็นอีกกิจกรรมที่แนะนำ เพราะสิ่งต่างๆ เหล่านี้คุณจะหาความสนุกแบบพิเศษสุดในโลกภายนอกไม่ได้เชียวล่ะ อ้อ! แล้วอย่าลืมเก็บความประทับใจในวัยเด็กด้วยรูปถ่ายกับตัวการ์ตูนต่างๆ ที่ราวมีชีวิตจริง โดยเฉพาะพระเอก นางเอก ที่เสมือนเป็นเจ้าบ้านคอยต้อนรับทุกคนอย่างมิกกี้เมาส์ (Mickey Mouse) และ มินนี่ เมาส์ (Minnie Mouse) ที่จะทำให้เราฉีกยิ้มได้ไปอีกนานเชียวล่ะ

รู้จริงญี่ปุ่น_Tokyo_04 Tokyo Disney Resort 05 รู้จริงญี่ปุ่น_Tokyo_04 Tokyo Disney Resort 06

Tokyo Disney Resort

ที่ตั้ง : สถานีไมฮามะ (Maihama), เขตอุรายาซึ (Urayasu), ชิบะ (Chiba)

เปิด-ปิด : 08.30-22.00 น. (เวลาโดยประมาณ / โปรดเช็คเวลาเปิด-ปิดในแต่ละวันอีกครั้งซึ่งไม่เหมือนกัน)

ค่าบริการ :

>1-day passport (ต่อ 1 สวนสนุก) : ผู้ใหญ่ 6,200 เยน / วัยรุ่น 12-17 ปี 5,300 เยน / เด็ก 4-11 ปี 4,100 เยน

>2-day passport (เข้าได้สวนสนุกละ 1 วัน / ต้องเป็นวันที่ติดกัน) : ผู้ใหญ่ 10,700 เยน / วัยรุ่น 12-17 ปี 9,400 เยน / เด็ก 4-11 ปี 7,400 เยน

หมายเหตุ : ดูรายละเอียดบัตรประเภทอื่นๆ เพิ่มเติมได้ในเว็บไซต์ของ Tokyo Disney Resort

เว็บไซต์ : www.tokyodisneyresort.jp

วิธีเดินทาง :

>วิธีที่ 1 : เริ่มต้นที่สถานีรถไฟ Tokyo Station นั่งรถไฟ JR Keiyo Line หรือ Musashino Line ลงสถานี Maihama

>วิธีที่ 2 : นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro Line สาย Y-Yurakucho Line (สายสีเหลือง) ลงสถานี Y24-Shin-kiba / เสร็จแล้วต่อรถไฟ JR Keiyo Line หรือ Musashino Line ลงสถานี Maihama

เรื่องและภาพโดย สวาเก้น

เทศกาลชมดอกไม้ของประเทศญี่ปุ่น หรือ Hanami ถือเป็นเทศกาลที่ยิ่งใหญ่แถมยังเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่ผู้คนทั่วโลกจะพากันมาเที่ยวญี่ปุ่นเพื่อร่วมชื่นชมความงามที่ธรรมชาติสร้างไว้ สัญลักษณ์ของการก้าวย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิที่นับเป็นไฮไลท์ก็คือต้นซากุระที่พร้อมใจกันผลิดอกเบ่งบานไปทั่วประเทศญี่ปุ่นในราวช่วงเดือน มี.ค.-พ.ค. ของทุกปี

รู้จริงญี่ปุ่น_Tokyo_01 Sakura Spot in Tokyo 01

รู้จริงญี่ปุ่น_Tokyo_01 Sakura Spot in Tokyo 05

การบานของดอกซากุระแต่ละปีอาจแตกต่างกันตามสภาพอากาศแต่ละพื้นที่ แต่โดยปกติแล้วซากุระจะไล่บานจากทางตอนเหนือของญี่ปุ่นเรื่อยมาจนถึงทางตอนใต้ของประเทศและจะบานอยู่ราวๆ 1 อาทิตย์ ก่อนที่จะร่วงโรยไป

photo (3)

รู้จริงญี่ปุ่น_Tokyo_01 Sakura Spot in Tokyo 04

รู้จริงญี่ปุ่น_Tokyo_01 Sakura Spot in Tokyo 06

 โตเกียว เป็น หนึ่งในสถานที่ยอดฮิตที่นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวญี่ปุ่นนิยมมาเยือนเพื่อชมซากุระ วันนี้เราเลยหยิบเอา 5 สถานที่ชมซากุระยอดฮิตในโตเกียวมาแนะนำกัน
รู้จริงญี่ปุ่น_Tokyo_01 Sakura Spot in Tokyo 03 รู้จริงญี่ปุ่น_Tokyo_01 Sakura Spot in Tokyo 02

 

1. สวนอุเอะโนะ (Ueno Park)

สวนสาธารณะที่เก่าแก่ที่สุดในโตเกียวแห่งนี้เป็นสถานที่ชมซากุระยอดฮิตมาตั้งแต่สมัยเอโดะ

และถือเป็นจุดชมซากุระยอดฮิตที่มีประชาชนหนาแน่นมากที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นเลยทีเดียว ภายในสวนแห่งนี้มีซากุระกว่า 1,000 ต้น ที่พร้อมใจกันเบ่งบาน จุดยอดนิยมในการชมซากุระคือบริเวณถนนที่พุ่งตรงสู่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติโตเกียว (Tokyo National Museum) และอีกจุดอันแสนโรแมนติกก็คือบริเวณถนนที่ทอดกลางทะเลสาบชิโนบาสุที่เชื่อมไปยังศาลเจ้า Benzen กลางบึงใหญ่นั่นเอง

+ ที่ตั้ง : ย่านอุเอโนะ, เขตไทโต, โตเกียว

+ วิธีเดินทาง :

>วิธีที่ 1 : นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย G-Ginza Line (สีส้ม) หรือ สาย H-Hibiya Line (สีเทา) ลงสถานี G16/H17-Ueno  

>วิธีที่ 2 : นั่งรถไฟ JR สาย Yamanote Line (สายวงกลม-สีเขียว) ลงสถานี Ueno

 

2. นากะเมกุโระ (Nakameguro)

ย่านเล็กๆ แต่เต็มไปด้วยความเก๋นี้จะกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตขึ้นมาในทันทีที่ซากุระผลิบาน จุดเด่นสำหรับชมซากุระจะอยู่บริเวณโซนเลียบคลองเมกุโระ (Meguro) ที่มีต้นซากุระเรียงรายตลอดแม่น้ำสายเล็กๆ แข่งกันเบ่งบานอย่างสวยงามกว่า 800 ต้น แล้วสถานที่นี้ยังเต็มไปด้วยร้านเก๋ๆ มากมาย จึงเป็นย่านนั่งชิลยอดฮิตแห่งหนึ่งในฤดูที่ซากุระบาน

+ ที่ตั้ง : ย่านนากะเมกุโระ, เขตเมกุโระ, โตเกียว

+ วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย H-Hibiya Line (สีเทา) ลงสถานี H01-Naka-meguro  

 

3. สวนสาธารณะแห่งชาติชินจูกุ เกียวเอ็น (Shinjuku Gyoen National Garden)

สวนสาธารณะแห่งนี้เป็นสวนสาธารณะแห่งชาติขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ระหว่างย่านชินจูกุกับย่านชิบุย่าในกรุงโตเกียว แต่เดิมทีในสมัยเอโดะนั้นเป็นบ้านพักของไดเมียวแห่งตระกูล Naito แต่ปัจจุบันกลายมาเป็นสวนสาธารณะแห่งชาติที่งดงาม ในฤดูที่ซากุระเบ่งบานนั้นสวนแห่งนี้เป็นหนึ่งในสถานที่ยอดฮิตของโตเกียวซึ่งภายในสวนนั้นมีซากุระกว่า 1,500 ต้น ให้เราได้ชื่มชมความงดงาม

+ ที่ตั้ง : ย่านชินจูกุ, เขตชินจูกุ, โตเกียว

+ วิธีเดินทาง :

>วิธีที่ 1 : นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย M-Marunouchi Line (สีแดง) หรือ สาย F-Fukotoshin Line (สีน้ำตาลทอง) ลงสถานี M09/F13-Shinjuku-sanchome เสร็จแล้วออกทางออก E8

>วิธีที่ 2 : นั่งรถไฟใต้ดิน Toei Line สาย S-Shinjuku Line (สายสีเขียวอ่อน) ลงสถานี S02-Shinjuku-sanchome / เสร็จแล้วออกทางออก E8

>วิธีที่ 3 : นั่งรถไฟ JR สาย Yamanote Line (สายวงกลม-สีเขียว) ลงสถานี Shinjuku ออกทาง New South Exit

 

4. สวนสาธารณะริมแม่น้ำสุมิดะ (Sumida Park)

สวนสาธารณะแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณริมแม่นำสุมิดะอันเป็นแม่น้ำหลักสายใหญ่ของโตเกียวที่อยู่ไม่ไกลจากวัดเก่าแก่ชื่อดังที่รู้จักกันดีอย่างวัดเซนโซจิ (Sensoji) แห่งย่านอาซากุสะ (Asakusa) สวนสาธารณะแห่งนี้จะทอดตัวไปตามแม่น้ำสุมิดะแบะมีต้นซากุระเบ่งบานอยู่หลายร้อยต้น ที่นี่นอกจากจะเป็นจุดชมซากุระยอดฮิตแล้ว สวนสาธารณะแห่งนี้จะเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงยิ่งกว่าในฤดูร้อน เพราะที่แห่งนี้คือสถานที่ชมการจุดดอกไม้ไฟอันยิ่งใหญ่แห่งแม่น้ำสุมิดะของญี่ปุ่นด้วยนั่นเอง

+ ที่ตั้ง : ย่านอาซากุสะ, เขตไทโตะ, โตเกียว

+ วิธีเดินทาง :

>วิธีที่ 1 : นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย G-Ginza Line (สีส้ม) ลงสถานี G19-Asakusa ออกทางออกที่ 4 หรือ 5

>วิธีที่ 2 : นั่งรถไฟใต้ดิน Toei Line สาย A-Asakusa Line (สายสีส้มแดง) ลงสถานี A18-Asakusa ออกทางออกที่ 4 หรือ 5

 

5. สวนสาธารณะอิโนคาชิระ (Inokashira Park)

สวนสาธารณะขนาดกลางแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ย่านคิชิโจจิ (Kichijoji) อันเป็นย่านฮิตอีกแห่งหนึ่งประจำโตเกียวที่นอกจากจะมีร้านเก๋ๆ ซ่อนตัวอยู่มากมายแล้วก็ยังมีแม่เหล็กชื่อดังอย่าง Ghibli Musuem ที่เป็นพิพิธภัณฑ์รวบรวมศิลปะและเทคนิกการสร้างการ์ตูนอนิเมชั่นชื่อดังของญี่ปุ่นตั้งอยู่ติดกับสวนสาธารณะแห่งนี้อีกด้วย ภายในสวนนั้นมีบ่อน้ำที่เสมือนทะเลสาบขนาดย่อมอยู่ตรงกลาง และมีต้นซากุระอยู่กว่าหลายร้อยต้นแข่งกันเบ่งบานอย่างสวยงาม เป็นอีกหนึ่งจุดชมซากุระยอดนิยมแห่งโตเกียวเลยทีเดียว

+ ที่ตั้ง : ย่านคิชิโจจิ, เขตมูซาชิโนะ, โตเกียว

+ วิธีเดินทาง :

>วิธีที่ 1 : เริ่มต้นที่สถานี Shinjuku นั่งรถไฟ JR Line สาย Chuo Line ลงสถานี Kichijoji

>วิธีที่ 2 : เริ่มต้นที่สถานี Shibuya นั่งรถไฟ Keio สาย Inokashira Line ลงสถานีปลายทาง Kichijoji

 

 

 

แลนด์มาร์คแห่งใหม่ของโตเกียวที่สามารถมองเห็นได้จากที่ไกลๆ คือ Tokyo Skytree ที่นับว่าเป็นหอคอยที่สูงที่สุดในโลกด้วยความสูงที่ 634 เมตร โดยได้รับการบันทึกจากสถิติกินเนสบุ้ค (วันที่ 17 พฤษภาคม 2011)

8386517382_2319ba8b11_z

9359590787_7e3ac00cd2_z
Skytree

เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศแรกๆ ที่เปลี่ยนระบบสัญญาณโทรทัศน์จากแบบอนาล็อกมาเป็นระบบดิจิทอล  จึงได้มีการริเริ่มการสร้างหอคอยแห่งใหม่ขึ้นมาเพื่อให้เป็นจุดส่งสัญญาณที่ต้องสูงยิ่งกว่าตึกระฟ้าที่มีการสร้างเพิ่มขึ้นทุกวันในโตเกียว และยังจะใช้เป็นจุดส่งสัญญาณโทรศัพท์มือถืออีกด้วย เพราะฉะนั้น รัฐบาลญี่ปุ่นจึงเริ่มสร้าง Tokyo Skytree ขึ้นในปี 2008 แล้วสร้างเสร็จ ปี 2011 และเพิ่งเปิดให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าไปชมตึก Tokyo Skytree ได้เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2012 นี่เอง จึงนับว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ล่าสุดของโตเกียว

จุดชมวิวของ Tokyo Skytree จะมีสองระดับ คือ ระดับความสูงที่ 350 เมตร และระดับความสูงที่ 450 เมตร โดยจะมีลิฟต์รับส่งที่เรียกว่า Tembo Shuttle ขึ้นลงที่ความเร็ว 600 เมตร ต่อนาที นับว่าเป็นลิฟต์ที่วิ่งเร็วที่สุดในญี่ปุ่น และสามารถบรรทุกผู้โดยสารได้มากถึง 40 คนต่อเที่ยว

เจ้าลิฟต์ Tembo Shuttle จะพานักท่องเที่ยวขึ้นไปที่ชั้น Tembo Deck ของ Tokyo Skytree ภายในเวลาเพียง 50 วินาที เท่านั้น

ใครที่กังวลเรื่องแผ่นดินไหวหรือลมพายุกรรโชกแรง ขอให้หายห่วง เพราะโครงสร้างของเจ้า Tokyo Skytree นั้นเป็นโครงสร้างที่สามารถควบคุมแรงสั่นสะเทือนได้ เหมือนกับโครงสร้างรูปทรงเจดีย์โบราณของญี่ปุ่น

8179025668_218884f5fb_z

8705106212_f8480b5af8_z

จุดชมวิว มีสองระดับชั้น มีชื่อเรียกดังนี้

Tembo Deck ชั้น 340, 345, 350 จุดเด่นที่ระดับนี้คือพื้นแก้วหนาที่ทนทานต่อความสูงระดับนี้ ที่ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถมองลงไปด้านล่างและเห็นถึงความอัศจรรย์ของโครงสร้างเหล็กที่สวยงามของเจ้า Tokyo Skytree นี้

7278769282_bf73cfa931_z

Tembo Galleria ชั้น 445 – 450 จะเป็นระเบียงยาวต่อเนื่องประมาณ 110 เมตร มองวิวได้โดยรอบ แถมระหว่างเดินจะมีเสียงสภาพภูมิอากาศจำลองประกอบ โดยเสียงจะถูกปรับให้เข้ากับอากาศด้านนอกในแต่ละฤดู

9250281416_9bf83aa117_z

นอกจากจุดชมวิวและเสาส่งสัญญาณด้านบนแล้ว Tokyo Skytree ยังมีห้างสรรพสินค้าครบวงจรและพิพิธภัณฑ์อยู่ในพื้นที่ที่เรียกว่า Tokyp Skytree Town ที่ถูกสร้างให้เป็นเมืองเชื่อมต่อระหว่างสถานีรถไฟ Tokyo Skytree กับสถานี Oshiage

วิธีการเดินทาง
สถานีรถไฟใต้ดิน Tokyo Skytree

undergroundB

จุดขายบัตรขึ้น Tokyo Skytree จะอยู่ที่ชั้น 4  

ticketcounter

ticket

วิธีการซื้อตั๋วนั้น หากเรามีบัตรวีซ่าที่ออกโดยแบงค์ญี่ปุ่นเราจะสามารถจองเวลาเข้าชมได้ซึ่งจะการันตีว่าจะได้ขึ้นชมได้แน่ๆ ซึ่งวิธีนี้จะไม่ค่อยสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยวไทยทั่วไป การซื้อบัตรออนไลน์ล่วงหน้านั้นมีให้บริการแต่เวปไซด์จะเป็นภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น

นักท่องเที่ยวทั่วไปจะต้องไปซื้อตั๋วที่ชั้น 4 ในวันที่จะเข้าชม และอาจจะต้องต่อคิวเพื่อขึ้นไปด้านบนหากวันนั้นๆ มีปริมาณนักท่องเที่ยวมาก

เวลาเปิดและปิด: 8.00 – 22.00น. ทุกวัน

 ราคาบัตร

ประเภทตั๋ว ผู้ใหญ่ (18ปีขึ้นไป) ผู้เยาว์ (12 – 17 ปี) เด็ก (6 – 11 ปี) เด็กก่อนวัยเรียน
Tembo Deck (350m) Day Ticket (ไม่ระบุเวลา) ¥2,000.00 ¥1,500.00 ¥900.00 ¥600.00
Advance Purchse (ระบุเวลา) ¥2,500.00 ¥2,000.00 ¥1,400.00 ¥1,100.00
Tembo Galleria (450m) บัตรเข้าชมต่อวัน ¥1,000.00 ¥800.00 ¥500.00 ¥300.00

Website: http://www.tokyo-skytree.jp/en/